ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 3-4
ทว่ากู้เจี้ยนหลีกลับเพียงแค่ยกยิ้มบางและกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูหมิง เจ้าเรียกผิดแล้ว”
จีเยวี่ยหมิงพลันชะงัก หันมองไปทางกู้เจี้ยนหลีอย่างไม่อยากเชื่อ
กู้เจี้ยนหลีกลับเลื่อนสายตาไปทางฮูหยินใหญ่ก่อนแล้ว นางเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มนวลว่า “หากข้าจำไม่ผิด คุณหนูหมิงเข้าพิธีปักปิ่นตั้งแต่สองสามเดือนก่อนแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ตอนนี้ควรจะเข้าใจกฎระเบียบแตกฉานแล้ว จะได้ไม่ทำสิ่งใดผิดพลาดยามอยู่ข้างนอก”
เดิมทีเสียงของกู้เจี้ยนหลีก็อ่อนหวานอยู่แล้ว ยามเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก็ยิ่งน่าฟังมากเป็นพิเศษ แม้จะเป็นถ้อยคำตำหนิกลับฟังดูรื่นหูเป็นอย่างยิ่ง
หลายวันมานี้ฮูหยินใหญ่กำลังกังวลเรื่องการหมั้นหมายของจีเยวี่ยหมิง วาจานี้ของกู้เจี้ยนหลีนับว่าแทงใจนางเข้าอย่างจัง นางไม่ได้มีใจทวงความเป็นธรรมให้กู้เจี้ยนหลี แต่ไม่ชอบใจที่บุตรสาวปฏิบัติตนไม่เหมาะสมต่อหน้าธารกำนัล โดยเฉพาะเมื่อบุตรสาวผู้นี้ยืนอยู่กับกู้เจี้ยนหลีที่รุ่นราวคราวเดียวกันแต่แตกต่างกันเสียจน…
ฮูหยินใหญ่สีหน้าบึ้งตึงตำหนิบุตรสาวตนเองทันที “ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เอาเสียเลย เจ้าเป็นถึงพี่สาวคนโต ยังไม่รีบนำน้องสาวทั้งหลายคารวะอาสะใภ้ห้าอีก!”
ท่าทีดุดันของมารดาทำเอาจีเยวี่ยหมิงกลัวจนกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมกลับไปทันที หญิงสาวกัดฟัน ย่อกายคารวะกู้เจี้ยนหลีอย่างไม่เต็มใจ “เยวี่ยหมิงคารวะอาสะใภ้ห้า”
จีเยวี่ยเหวินและจีเยวี่ยเจินต่างก็คารวะตามโดยพร้อมกัน
ด้านคุณชายใหญ่ของจวนอย่างจีเสวียนเซิ่นก็นำเหล่าน้องชายคารวะกู้เจี้ยนหลี ในจวนมีคุณชายทั้งหมดห้าคน นอกจากจีเสวียนเค่อแล้วทุกคนล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
กู้เจี้ยนหลีไม่มีท่าทีอันใด ในใจกลับอดคิดไม่ได้ว่าจีเสวียนเค่อจงใจหลบเลี่ยงไม่พบหน้าในวันนี้เพราะเกรงจะทำตัวไม่ถูกใช่หรือไม่
ในห้องโถงยังมีลูกหลานซึ่งเป็นญาติฝั่งฮูหยินผู้เฒ่าอยู่อีกสองสามคน ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิได้มีท่าทีอยากให้กู้เจี้ยนหลีทำความรู้จักกับพวกเขา หญิงชราเพียงนวดหว่างคิ้วเล็กน้อยแล้วให้ทุกคนกลับไปได้ กล่าวว่าระยะนี้อากาศหนาว ไม่จำเป็นต้องมาคารวะทุกวัน แล้วยังกำชับกู้เจี้ยนหลีเป็นพิเศษว่าให้ดูแลจีอู๋จิ้งให้ดี
กู้เจี้ยนหลีกระจ่างแจ้งดี วันหน้าไม่ว่าผู้อื่นจะมาคารวะตอนเช้าหรือไม่ มีเพียงนางเท่านั้นที่ฮูหยินผู้เฒ่าปฏิเสธไม่ต้อนรับ
รอยยิ้มบางชวนมองบนใบหน้าของกู้เจี้ยนหลีไม่เปลี่ยนแปลงแม้สักนิด ในใจเองก็ราบเรียบไร้คลื่นลม
ขณะกำลังจะจากมานั้นกู้เจี้ยนหลีสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอย่างไม่ปิดบังสักนิด พอนางหันกลับไปมองก็ประสานเข้ากับสายตาไม่ประสงค์ดีของคุณชายสกุลจ้าวพอดิบพอดี
กู้เจี้ยนหลีขมวดคิ้วพลางถอนสายตากลับ ในใจคิดว่าวาจาของบิดานางในยามนั้นไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย
ตอนกลับไปถึงเรือนของนายท่านห้า กู้เจี้ยนหลีไม่ได้กลับห้องในทันทีแต่แวะไปดูคุณชายหกและคุณหนูสี่วัยสี่ขวบก่อน เด็กทั้งสองยังคงนอนหลับอยู่ นางเองก็ไม่ได้ส่งเสียงปลุกพวกเขา เพียงแค่ก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างเบามือเบาเท้า
เด็กน้อยทั้งสองอยู่ในวัยน่ารักน่าชังราวกับก้อนแป้งขาว ท่าทางยามหลับใหลยิ่งชวนให้คนเอ็นดู โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ด้านนอกซึ่งเหมือนแมวน้อยตัวนุ่มนิ่มไม่มีผิด มองดูนานเข้าใจก็ค่อยๆ อ่อนยวบตาม
“ฮูหยิน ท่านกลับไปพักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ไว้นายน้อยทั้งสองตื่นแล้วบ่าวจะพาไปหาท่านเอง”
กู้เจี้ยนหลีมองเด็กแฝดที่กำลังหลับปุ๋ยอีกครั้งก่อนจะตัดใจเดินจากมา เดิมนางคิดไว้อย่างดีว่าหากอยู่เล่นกับเด็กทั้งสองทั้งวันได้ก็ไม่ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับจีอู๋จิ้งตามลำพังแล้ว น่าเสียดายที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังหลับสบาย…
หลังจากกลับมาที่ห้องกู้เจี้ยนหลีเอนกายพิงหน้าต่าง หยิบหนังสือส่งๆ มาเปิดอ่านเล่มหนึ่ง หากเนื้อหาในหนังสือดึงดูดความสนใจได้ นางอาจจะลืมไปว่าในห้องยังมีบุรุษอีกคน
ตอนที่อ่านหนังสือไปได้สองในสามส่วนหญิงสาวเอียงศีรษะมองออกไปข้างนอก เห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดครึ้ม คล้ายกำลังจะมีหิมะตก
ขณะนั้นเองมีเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้อง สายตาของหญิงสาวกลับมาจดจ่ออยู่ที่หน้าหนังสืออีกครั้งแล้วจึงถามออกไปส่งๆ “หมัวมัวมีอะไรหรือ”
“น้าสะใภ้ห้า” น้ำเสียงของบุรุษเต็มไปด้วยแววประจบเอาใจ
กู้เจี้ยนหลีพลันตื่นตระหนก รีบเงยหน้าขึ้นมองในทันใด
จ้าวเฟิ่งเสียนก้าวขึ้นหน้ามาอีกก้าว
กู้เจี้ยนหลีเห็นดังนั้นก็วางหนังสือในมือลงกับโต๊ะอย่างแรงก่อนเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม “ที่นี่เป็นที่ที่เจ้าเข้ามาได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ!”
ผู้มาใหม่เห็นได้ชัดว่าถูกท่าทางทรงอำนาจที่ปรากฏขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้ชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เขายังคงเดินเข้าใกล้กู้เจี้ยนหลีมากขึ้นพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ “น้าสะใภ้ห้า เมื่อเช้าไม่ได้ทักทายท่าน เฟิ่งเสียนรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย จึงแวะมาคารวะท่านถึงที่ด้วยตนเอง”
กาลก่อนกู้เจี้ยนหลีไม่มีทางได้ประสบพบเจอกับคนเช่นนี้ กล่าวให้ถูกต้องก็คือต่อให้เป็นคนที่ต่ำช้ากว่านี้อยู่ต่อหน้านางก็จำต้องแสดงท่าทีสุภาพนุ่มนวลออกมา ทว่าสามเดือนที่ผ่านมานางได้เจออันธพาลในท้องที่อยู่หลายครั้ง สีหน้าวาจาเช่นที่จ้าวเฟิ่งเสียนกระทำอยู่นี้นางคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าอะไร
กู้เจี้ยนหลียกถ้วยชาใกล้มือขึ้นปาลงตรงข้างเท้าของจ้าวเฟิ่งเสียน ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ออกไป! หากยังไม่ออกไปอีกข้าจะร้องเรียกคนเข้ามาแล้ว”
จ้าวเฟิ่งเสียนยังคงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ตอนท่านน้าห้ายังแข็งแรงดีชมชอบคนตายเกลียดชังคนเป็นที่สุด เรือนของเขาอยู่ลับตาคน ท่านเรียกใครมาไม่ได้หรอก”
ชายหนุ่มหลิ่วตา มองพิจารณากู้เจี้ยนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้าคราหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “อีกอย่างท่านเข้าใจเฟิ่งเสียนผิดไปแล้ว เฟิ่งเสียนชื่นชมน้าสะใภ้ห้ามานาน เพียงแค่อยากมาสนทนากับท่านเท่านั้น เรื่องต่ำช้าอื่นใด…ข้าไม่ทำหรอก”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 ก.ย. 68
Comments
