กู้เจี้ยนหลีลุกขึ้นยืนก่อนเดินเข้าไปใกล้อย่างแผ่วเบา จากนั้นย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กทั้งสอง ยื่นมือออกไปลูบศีรษะจีซิงหลันเล็กน้อยก่อนเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากเรียกตอนนี้ยังไม่ต้องเรียกก็ได้”
จีซิงหลันเอียงศีรษะน้อยๆ มองกู้เจี้ยนหลีอย่างสนอกสนใจ รู้สึกว่าสตรีตรงหน้าผู้นี้งดงามมาก เสียงก็ไพเราะ เด็กน้อยจึงฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
หลินหมัวมัวกล่าวซ้ำอีกครั้ง “คุณหนูหลัน ลองเรียกดูเถิดเจ้าค่ะ”
“ท่านมะ…”
จู่ๆ จีซิงโล่วที่เอาแต่ก้มหน้าก็ผลักจีซิงหลันทีหนึ่ง ทำให้กู้เจี้ยนหลีต้องรีบคว้าตัวเด็กน้อยไว้อย่างว่องไว
จีซิงหลันหันมองพี่ชายฝาแฝดจากในอ้อมกอดของกู้เจี้ยนหลีก่อนเบะปากอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ทว่าพอจีซิงโล่วถลึงตากลับมาก็ไม่กล้าร้องไห้โวยวาย
จีซิงโล่วแค่นหัวเราะทีหนึ่งก่อนพูดอย่างหงุดหงิด “ข้าจะกินข้าวแล้ว!”
“นี่…” หลินหมัวมัวหันไปมองกู้เจี้ยนหลี
กู้เจี้ยนหลีพยักหน้า “ท่านไปเถอะ”
หลินหมัวมัวรับคำ ก่อนรีบยกกระโปรงวิ่งออกไปตระเตรียมอาหารอย่างว่องไว
กู้เจี้ยนหลีไม่สนใจจีซิงโล่ว แต่กลับอุ้มจีซิงหลันขึ้นมาก่อนพาไปนั่งที่ริมหน้าต่าง จากนั้นใช้ท้องนิ้วแตะลงบนปลายจมูกเล็กเบาๆ พลางเอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “เจ้าชื่อซิงหลันใช่หรือไม่”
“โอ๊ะ! ท่านรู้ได้อย่างไร” เด็กน้อยทำตาโตด้วยความประหลาดใจ
“ข้าไม่เพียงรู้ว่าเจ้าชื่อซิงหลัน ยังรู้ด้วยว่าเจ้าอายุสี่ขวบแล้ว”
จีซิงหลันเอียงศีรษะเล็กน้อย ออกเสียงตอบไม่ชัดเจนว่า “โอ๊ะ ไยท่านจึงรู้เยอะนัก ข้าสี่ขวบแล้วจริงๆ”
ขณะที่พูดเด็กน้อยยังชูนิ้วทั้งห้าขึ้นประกอบ ศีรษะเล็กๆ หันมองตามมือตนเอง ครุ่นคิดอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็หุบนิ้วลงนิ้วหนึ่ง
กู้เจี้ยนหลีอดหัวเราะไม่ได้ นางขยับเข้าไปหอมแก้มของเด็กน้อยเบาๆ “ซิงหลันของเราช่างงดงามจริงๆ”
จีซิงหลันมองกู้เจี้ยนหลีด้วยแววตาใสซื่อ จู่ๆ ก็เตะรองเท้าให้หลุดพลางคว้าแขนเสื้อตรงไหล่ของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงเท่าใดแล้วขยับเข้าไปตรงหน้ากู้เจี้ยนหลีเพื่อหอมแก้มนางคืนฟอดหนึ่ง
“ท่านก็งดงาม งดงามมากเหมือนกันเลย!”
พอเด็กน้อยได้เปิดปากพูดก็เจื้อยแจ้วไม่หยุด ทั้งใบหน้าน่าเอ็นดู เสียงนุ่มนิ่มน่ารัก ล้วนทำให้คนชื่นชอบได้ไม่ยาก
จีซิงโล่วที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเห็นพวกนางสองคนผลัดกันพูดคุยชื่นมื่นราวกับเขาไม่มีตัวตน จึงเดินไปทางตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างก่อนออกแรงเตะสองทีเพื่อให้เกิดเสียงดัง
จีซิงหลันหันไปมองตามคาด ทว่ากู้เจี้ยนหลีกลับดึงความสนใจนางกลับมาได้อย่างง่ายดายและยังคงทำเหมือนจีซิงโล่วไม่มีตัวตนต่อ
จีซิงโล่วโมโหขึ้นมาแล้ว เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเศษถ้วยชาบนพื้นแล้วนั่งยองๆ ลงเล่น จำได้ว่าทุกครั้งที่ทำเช่นนี้หลินหมัวมัวจะรีบเข้ามาอุ้มเขาอย่างตื่นตระหนกเกินเหตุพลางร้องเตือนอย่างตกใจ ‘ทูนหัวของบ่าว ระวังได้แผลนะเจ้าคะ!’
ทว่าหยิบเศษถ้วยชาเล่นอยู่พักใหญ่สองคนที่อยู่ตรงหน้าต่างกลับไม่มีใครสนใจ
กู้เจี้ยนหลีลอบมองจีซิงโล่วแวบหนึ่ง ขยับปากเอ่ยชื่อเขาโดยไร้เสียง