กู้เจี้ยนหลีก้าวไปหยุดอยู่ข้างเตียง เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “นายท่านห้ามีอะไรหรือเจ้าคะ”
จีอู๋จิ้งเอียงหน้ามามองก่อนเอ่ยถาม “ปลาของข้าเล่า”
“อา…” กู้เจี้ยนหลีอุทานเบาๆ ก่อนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นัยน์ตาสีเข้มกลอกหลบอย่างมีพิรุธ
นางลืมไปเสียสนิท
“ข้า…ข้าจะรีบไปบอกให้…” กู้เจี้ยนหลีขบริมฝีปากเบาๆ หาข้ออ้างด้วยเสียงติดๆ ขัดๆ
“ท่านเพิ่งฟื้น ข้างนอกมีคนเยอะ ข้า…ข้าเอาแต่ต้อนรับ…” เสียงของนางเบาลงเรื่อยๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งร้อนตัว
“ช่างเถอะ” จีอู๋จิ้งเอ่ยด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ไปเรียกฉางเซิงเข้ามา”
หลังจากวุ่นวายมาค่อนคืน คนที่มาเยี่ยมต่างก็ทยอยกันจากไป กู้เจี้ยนหลีนั่งอยู่บนเตียงหลัวฮั่น ลอบมองจีอู๋จิ้งที่กำลังกินปลาเล็กน้อย
คนที่เพิ่งฟื้นจากอาการป่วยไม่ใช่ว่าควรพิถีพิถันเรื่องอาหารการกินหรอกหรือ เหตุใดจึงกินปลาคำโตไม่หยุดเช่นนั้น
ชอบกินปลาถึงเพียงนั้นเลยหรือ
กู้เจี้ยนหลีนั่งหลังตรง เริ่มจะง่วงขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้ใกล้จะรุ่งสางแต่นางกลับยังไม่ได้นอนเลยสักงีบ ทว่าเห็นได้ชัดว่ามิใช่เวลานอน นางทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ อย่างสง่างามอยู่ตรงนี้
“นายท่าน เหตุใดท่านจึงฟื้นขึ้นมาตอนนี้” ฉางเซิงถามออกมาหนึ่งประโยค พลันนึกได้ว่ากู้เจี้ยนหลียังนั่งอยู่ไม่ไกลจึงกลืนความสงสัยทั้งหมดกลับไปโดยเร็ว
“เสียงดัง” จีอู๋จิ้งโยนก้างปลาทั้งชิ้นกลับไปบนจาน จากนั้นก็หยิบตัวใหม่ขึ้นมากินต่อ
กู้เจี้ยนหลีหลุบตานิ่ง หูกลับตั้งใจฟังบทสนทนาระหว่างนายบ่าวที่อยู่ไม่ไกล
“มีคนปีนหน้าต่างเข้ามาเจ้ายังไม่รู้ อยากโดนลงโทษหรือไร หือ?!” จีอู๋จิ้งกล่าวช้าๆ ท่าทางเหมือนไม่ได้ใส่ใจ
“อะไรนะ เป็นไปได้อย่างไร…” ฉางเซิงทำตาโตก่อนจะรีบร้อนอธิบาย “นายท่าน ยามนี้ท่านมีภรรยาแล้ว ฉางเซิงไม่อาจคุ้มกันอยู่ด้านใน ลี่จื่อเองก็ทึ่มทื่อ…”
จีอู๋จิ้งได้ยินเข้าก็พลันหยุดแทะปลาก่อนเหลือบตาไปทางกู้เจี้ยนหลีที่นั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ไกลๆ
เขาเกือบลืมไปแล้ว หลับไปตื่นหนึ่ง ฟื้นขึ้นมาก็มีภรรยาเพิ่มมา
จีอู๋จิ้งโยนปลาในมือกลับไปแบบส่งๆ ก่อนใช้ผ้าเช็ดมือ จากนั้นลูบคางพลางมองหญิงสาวผู้นั้น
กู้เจี้ยนหลีรู้ดีว่าอีกฝ่ายมองมาทางตน ทว่านางไม่รู้จะรับมือเช่นไร จึงทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ก้มหน้านิ่งอยู่เช่นนั้น
ผ่านไปพักใหญ่นานเสียจนกู้เจี้ยนหลีแทบจะทนไม่ไหว นานเสียจนแม้แต่ฉางเซิงก็รู้สึกว่าอยู่ต่อไม่ได้แล้วจึงเกาหัวพลางพูดขึ้นว่า “นายท่าน จะอาบน้ำหรือไม่ขอรับ”
จีอู๋จิ้งยังคงไม่ละสายตาจากกู้เจี้ยนหลี เพียงพยักหน้ารับด้วยท่าทีเกียจคร้านเหมือนเคย
พอฉางเซิงออกไปเก็บจาน ในห้องก็เหลือเพียงกู้เจี้ยนหลีกับจีอู๋จิ้ง
กู้เจี้ยนหลีหวาดกลัวการอยู่กับจีอู๋จิ้งเพียงลำพังเป็นที่สุด ต่อให้ต้องนั่งลงบนพรมที่เต็มไปด้วยเข็มก็ยังไม่หวาดกลัวเท่านี้
มุมทางตะวันตกในห้องยังมีห้องข้างเล็กๆ อยู่ห้องหนึ่ง ปกติใช้เป็นห้องอาบน้ำ ผ่านไปไม่นานฉางเซิงก็เติมน้ำอุ่นลงในอ่างไม้ทรงกลมจนเต็ม ไอน้ำลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว
ฉางเซิงเตรียมน้ำอุ่นกับเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็มองไปทางกู้เจี้ยนหลีอย่างทึ่มทื่อแวบหนึ่ง จากนั้นพูดกับจีอู๋จิ้งอย่างลังเล “นายท่าน ข้าไปแล้วนะขอรับ”
“อืม…” จีอู๋จิ้งรับคำเสียงยานคางอย่างเกียจคร้าน
กู้เจี้ยนหลีที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นไม้รีบเงยหน้าขึ้น ฉางเซิงออกไปแล้วใครจะปรนนิบัติจีอู๋จิ้งอาบน้ำเล่า ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจีอู๋จิ้งยังร่างกายอ่อนแออยู่ ต่อให้เขาแข็งแรงดีก็ควรจะมีบ่าวคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายมิใช่หรือ
กู้เจี้ยนหลีค่อยๆ หันไปมองอีกฝ่าย ยามนี้บิดายังไม่ได้ล้างมลทิน ทางรอดของนางก็ริบหรี่ โอกาสที่โผล่ขึ้นมาตรงหน้าย่อมควรค่าแก่การคว้าไว้ จีอู๋จิ้งหลับไปเป็นเวลานาน ย่อมไม่รู้เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว ตอนที่คนจวนก่วงผิงป๋อเลือกผลักเขาออกมาคงไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาฟื้นขึ้นมา บางที…นางอาจคว้าโอกาสนี้ไว้ใช้ประโยชน์ได้บ้างกระมัง
จีอู๋จิ้งยามนี้คล้ายคิดสิ่งใดอยู่จึงออกจะเหม่อลอยอยู่บ้าง
ในใจกู้เจี้ยนหลีขัดแย้งกันเองอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินมาทางจีอู๋จิ้ง
ตอนที่นางลุกขึ้นนั้นเองจีอู๋จิ้งพลันมองมาทางนาง จับจ้องทุกฝีก้าวขณะนางก้าวเข้าใกล้
กู้เจี้ยนหลีเดินมาถึงข้างเตียงใหญ่ก่อนจะค่อยๆ ย่อกายลงนั่งยองๆ ชายชุดกระโปรงหรูฉวิน* สีแดงอ่อนซ้อนกันเป็นชั้นๆ ยามยอบกายลงพลิ้วไหวราวกับดอกเสาเย่า สีแดงกำลังผลิบาน
แพขนตาของหญิงสาวสั่นเล็กน้อยยามช้อนตาขึ้นมองบุรุษตรงหน้า “นายท่านห้า ข้าคือภรรยาของท่าน กู้เจี้ยนหลี”
จีอู๋จิ้งจ้องมองใบหน้ากู้เจี้ยนหลีครู่หนึ่ง หางตายกขึ้นน้อยๆ เจือรอยยิ้มอันไม่อาจคาดเดาอยู่หลายส่วน