จีอู๋จิ้งมองท่าทางที่หวาดกลัวหัวหดแต่ยังแกล้งทำเป็นนิ่งขรึมใจเย็นของกู้เจี้ยนหลี ดูไปก็คล้ายกับเด็กน้อยกำลังเลียนแบบท่าทางผู้ใหญ่ น่าสนใจมากทีเดียว
พอรู้สึกว่าน่าสนใจจนอยากหัวเราะ เขาก็หัวเราะออกมาจริงๆ
หัวคิ้วของกู้เจี้ยนหลียับย่นเล็กน้อย ลือกันว่านายท่านห้าผู้นี้ไม่เพียงใจดำอำมหิต ยังมีนิสัยแปลกประหลาด ดูท่าจะมิใช่เรื่องเท็จ
ทว่ากู้เจี้ยนหลียังพูดไม่จบ นางจึงได้แต่ฝืนพูดต่อ “ทว่าบางทีในจวนนี้อาจไม่ต้องการให้ข้าอยู่ต่อ”
กู้เจี้ยนหลีไม่อาจยุแยงให้สองฝ่ายแตกกันได้อย่างชัดเจนเกินไป นางคิดว่าเพียงประโยคเดียวนี้จีอู๋จิ้งก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าคนในจวนก่วงผิงป๋อล้วนมองเขาเป็นคนตาย
มิใช่กล่าวกันว่านายท่านห้าสกุลจีจิตใจคับแคบหรอกหรือ ไม่แน่ว่าอาจจะผูกใจเจ็บก็ได้
กู้เจี้ยนหลีเคยนึกภาพว่าวันใดที่จีอู๋จิ้งฟื้นขึ้นมา นางจะจงใจยั่วโมโหจนอีกฝ่ายเขียนหนังสือหย่าและปล่อยนางกลับบ้านไป ทว่าเมื่อคืนหลังจากเห็นสภาพการณ์ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ในจวนก่วงผิงป๋อล้วนแต่พากันมาเยี่ยมเขา อีกทั้งหมอหลวงจากในวังยังมาตรวจดูอาการให้เขาตอนดึกๆ ดื่นๆ กู้เจี้ยนหลีจึงเปลี่ยนใจ นางคิดว่าบางทีอาจยืมมือจีอู๋จิ้งล้างมลทินให้บิดานางได้
จีอู๋จิ้งย่อมเข้าใจความนัยที่แฝงอยู่ในวาจาของอีกฝ่าย ในความเป็นจริงต่อให้กู้เจี้ยนหลีไม่พูดเขาก็พอจะเดาได้ ทว่าเขายังคงรู้สึกว่าน่าสนใจ รู้สึกว่ายามกู้เจี้ยนหลีซ่อนกลอุบายไว้ภายใต้ท่าทีจริงจังเช่นนี้น่าสนใจมากจริงๆ
จู่ๆ จีอู๋จิ้งก็เอ่ยถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าปกติบิดาเจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร”
กู้เจี้ยนหลีใจเต้นโครมคราม นางเคยได้ยินบิดาพูดถึงจีอู๋จิ้งมาก่อนจริงๆ วันนั้นเขาโกรธเกรี้ยวจนด่าจีอู๋จิ้งเป็น ‘คนวิปลาส’ อยู่ทุกคำทีเดียว
นี่…แกล้งไม่รู้น่าจะดีกว่ากระมัง
“เรียกว่า ‘น้องชาย’ ” ในที่สุดจีอู๋จิ้งก็เฉลยออกมา
กู้เจี้ยนหลีค่อยลอบพรูลมหายใจ เขาไม่บาดหมางกับบิดาจึงจะนับเป็นเรื่องดี หากบาดหมางกันคงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแทนแล้ว
“ดังนั้น…” จีอู๋จิ้งยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เด็กน้อยเช่นเจ้าควรจะเรียกข้าว่า ‘ท่านอา’ ไหนลองเรียกให้ฟังหน่อยซิ”
ในดวงตาของกู้เจี้ยนหลีสะท้อนภาพนัยน์ตาจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย เป็นอีกครั้งที่มองเห็นแววหยอกเย้าในนั้น
เขาจงใจอีกแล้ว!
จีอู๋จิ้งร้อง “อืม” คำหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “บิดาเจ้าถึงกับยอมให้เจ้าแต่งกับคนวิปลาสเช่นข้าเชียวหรือ เขาโดนจับหรือว่าเสียสติไปแล้วกันล่ะ”
“ท่านพ่อบาดเจ็บตั้งแต่อยู่ในคุก ถึงตอนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมา…” แววตาของหญิงสาวพลันหม่นหมอง
จีอู๋จิ้งร้อง “อ้อ” อย่างไม่ใส่ใจอีกคำหนึ่ง “ตาเฒ่าจอมดื้อด้านเช่นเขาทำผิดอะไรมาล่ะ”
“เขา…เขา…ท่านพ่อถูกใส่ความต่างหาก!” กู้เจี้ยนหลีรีบแก้ต่าง
จีอู๋จิ้งยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในดวงตาจิ้งจอกฉายแววตื่นเต้นเล็กน้อยยามกล่าวช้าๆ “รอตาเฒ่านั่นฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าบุตรสาวตนเองแต่งงานกับข้า เกรงว่าจะโมโหตายทั้งอย่างนั้น”
สามเดือนมานี้กู้เจี้ยนหลีได้เรียนรู้หลายสิ่ง โดยเฉพาะเรียนรู้ที่จะอดกลั้น ทว่าเมื่อเป็นเรื่องของบิดานางกลับไม่อาจทำได้ อย่างไรก็อดรนทนไม่ไหว
นางอดกลั้นได้เพียงครึ่งหนึ่งแล้วถลึงตามองจีอู๋จิ้งอย่างกรุ่นโกรธเล็กน้อย กล่าวเสียงเบาว่า “ท่านควรเรียกท่านพ่อว่า ‘ท่านพ่อตา’ ”
รอยยิ้มของจีอู๋จิ้งพลันแฝงแววเข้าใจแจ่มแจ้ง เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจเช่นเคย “ยุ่งยากเพียงนี้เชียวหรือ เช่นนั้นข้าส่งบุตรสาวคืนให้เขาน่าจะดีกว่า”
กู้เจี้ยนหลียังคิดตามไม่ทันจึงมึนงงอยู่บ้าง ริมฝีปากงามเผยอออกน้อยๆ นัยน์ตาสุกใสฉายแววตื่นตระหนกลนลาน