จีอู๋จิ้งเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงกวางน้อยที่หลงทางอยู่ในป่าใหญ่ เขาเลือกที่จะง้างธนูหยอกล้อกวางน้อยบีบให้มันตื่นกลัว เพราะหากฆ่ามันในทีเดียวก็คงจะหมดสนุก
จู่ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นมือให้กู้เจี้ยนหลี
กู้เจี้ยนหลีรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง
“น้ำจะเย็นแล้ว” จีอู๋จิ้งกล่าว
กู้เจี้ยนหลีกะพริบตาเชื่องช้า แววตื่นตระหนกในดวงตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นกลัวในอีกแบบหนึ่ง นางรีบก้มหน้าลงถอนสายตาไปทางอื่น บนพวงแก้มแต้มสีแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว นางลุกขึ้นยืน สายตายังคงหยุดอยู่ที่ปลายเท้าตนเอง ขมวดคิ้วมุ่นโดยไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น จากนั้นค่อยๆ ขยับเข้าไปประคองแขนจีอู๋จิ้ง พยุงเขาลุกลงจากเตียง
พอจีอู๋จิ้งลงจากเตียงก็แทบจะเทน้ำหนักทั้งร่างไปบนตัวกู้เจี้ยนหลี เขากำลังจะก้าวขา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ของหญิงสาวกล่าวขึ้น
“รอเดี๋ยว…”
จีอู๋จิ้งหันไปมองนาง
“ขา…ขาข้าชาแล้ว”
เมื่อครู่นางนั่งยองๆ นานไปหน่อย ยามนี้สองขาจึงไร้เรี่ยวแรง ก้าวขาแทบไม่ไหว
กู้เจี้ยนหลีก้มหน้า รอให้อาการชาบรรเทาลง จีอู๋จิ้งเลิกคิ้ว มองเสี้ยวหน้าที่อยู่ไม่ไกลของนางอย่างนึกสนใจ
หญิงสาวกำลังหลุบตา มองไปแล้วดูอ่อนโยนเชื่อฟัง ทว่านัยน์ตาดำขลับที่หลบซ่อนไว้กลับกลอกกลิ้งไม่หยุด นึกแค้นใจที่เวลาผ่านไปเชื่องช้า อาการชาไม่หายไปสักที ซ้ำยังนึกโมโหที่จีอู๋จิ้งเอาแต่จ้องไม่หยุด ทำเอานางรู้สึกทำตัวไม่ถูก
จริงๆ เลย ดวงตาคู่นั้นน่ารังเกียจยิ่งนัก!
กู้เจี้ยนหลีรอจนขาหายชาค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หายแล้ว” ก่อนจะพยุงจีอู๋จิ้งเข้าไปห้องข้างทางทิศตะวันตกด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ห้องข้างนี้ไม่ใหญ่มาก ทั้งห้องอบอวลไปด้วยไอน้ำ กู้เจี้ยนหลีเพิ่งจะก้าวเข้าไป พวงแก้มทั้งสองก็ขึ้นสีเรื่ออย่างไม่อาจควบคุม
จีอู๋จิ้งปล่อยมือจากตัวนางมาวางตรงขอบอ่างเพื่อพยุงตนเองให้ยืนได้
กู้เจี้ยนหลีขยับเล็กน้อยไปหยุดตรงหน้าเขา ก้มหน้าพลางปลดสายรัดบนเสื้อนอนสีขาวสะอาด มือเรียวขาวนวลคู่นั้นง่วนอยู่กับการแก้ปมสายรัดตรงข้างเอวชายหนุ่มไม่หยุด
ครั้งแรกนางปลดไม่สำเร็จ นิ้วมือของนางสั่นน้อยๆ จึงยิ่งทำให้ปลดยากเข้าไปใหญ่
ชั่วขณะนั้นกู้เจี้ยนหลีรู้สึกลำบากใจยิ่ง จีอู๋จิ้งยังจ้องนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มราวกับดูละครฉากหนึ่งอยู่อีก ไม่มีทีท่าจะคลี่คลายสถานการณ์ให้สักนิด ต่อให้นางไม่มองเขาอยู่ก็รู้ดีว่าเขามองมา เพราะดวงตาของเขายังคงดุจอสรพิษร้ายกาจตัวหนึ่ง
กู้เจี้ยนหลีบ่นอุบเสียงเบา “เรือนของนายท่านห้านี้ไม่มีคนคอยปรนนิบัติสักคนเลยหรือ”
“มีสิ แต่เพราะเจ้าเข้ามาอยู่ฉางเซิงจึงเข้ามาเรือนชั้นในไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
กู้เจี้ยนหลีขบริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหยุดมือ เพราะเมื่อครู่นางกำลังลนลานจึงเผลอผูกสายรัดเสื้อของจีอู๋จิ้งเป็นเงื่อนตาย
จู่ๆ หญิงสาวก็หมุนกายไปนั่งยองๆ ลงตรงตู้ด้านข้าง ค้นหาของด้านในสักครู่ ในที่สุดก็หยิบกรรไกรออกมาได้เล่มหนึ่งและกลับมาตัดสายรัดบนเสื้อของจีอู๋จิ้งขาดดัง ‘ฉับ’
สาบเสื้อที่ซ้อนทับกันอยู่พลันหลุดออกจากกันเผยให้เห็นแผงอกของจีอู๋จิ้ง กู้เจี้ยนหลีหลุบตาลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองส่งเดชแม้แต่น้อย นางหลับตาลงทั้งอย่างนั้นพลางคลำมือไปตามสายรัดเอวต่อ ในที่สุดก็คลำโดนปมที่ผูกไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะพยายามปลดออก
จีอู๋จิ้งพลันยืนมือแทรกไปในปมที่มัดไว้ก่อนดึงออกเบาๆ เพื่อกันไม่ให้นางมัดเป็นเงื่อนตายอีก
พอได้ยินเสียงกางเกงของจีอู๋จิ้งร่วงลงพื้น กู้เจี้ยนหลีมิได้ลืมตาแต่รีบหันกายหนีอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เห็นภาพที่ไม่น่ามองนัก
จีอู๋จิ้งอยากเอ่ยบางอย่าง ทว่าเห็นหัวไหล่ที่เครียดเกร็งเพราะความลนลานของอีกฝ่ายแล้วก็เงียบปากอย่างหมดสนุก เพียงแค่วางมือลงบนไหล่ใช้นางเป็นหลักแล้วก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ
ยามที่จีอู๋จิ้งวางมือบนไหล่ กู้เจี้ยนหลีพลันรู้สึกหนักอึ้งราวพันชั่ง รอจนอีกฝ่ายปล่อยมือนางถึงรู้สึกโล่งอก จากนั้นเมื่อได้ยินเสียงน้ำที่ด้านหลัง บนใบหน้างดงามก็แดงเรื่อทันทีโดยไม่รู้ตัว นางขยับไปข้างหน้าก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่หันหลังให้จีอู๋จิ้ง
เวลาช่างผ่านไปเชื่องช้า
กู้เจี้ยนหลีก้มศีรษะลงมองนิ้วหัวแม่มือที่เล็บฉีกไป บาดแผลมีรอยช้ำสีเขียวคล้ำ นางค่อยๆ เผยอปากดูดท้องนิ้วบริเวณนั้นเบาๆ อีกครั้ง
เสียงน้ำจากด้านหลังดังขึ้นอีกชวนให้จิตใจไม่สงบ นางพยายามคิดเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตนเอง
ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านพ่อเป็นเช่นไรบ้าง…อาการจะดีขึ้นบ้างหรือยัง คนที่ชอบตามมาเยาะหยันเหล่านั้นยังกลับมารังควานท่านแม่กับน้องชายหรือไม่…
เมื่อคิดไปคิดมาแพขนตาของกู้เจี้ยนหลีก็สั่นระริก ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้า อดนอนมาหนึ่งคืนซ้ำยังประสบพบเจอเรื่องราวมากมายเพียงนั้น ท่ามกลางม่านละอองไอน้ำในห้องอาบน้ำเล็กๆ นี้ ความง่วงค่อยๆ คืบคลานมาอีกครั้ง โดยไม่รู้ตัวนางก็นอนพิงเก้าอี้หลับไป
ตอนที่จีอู๋จิ้งสวมเสื้อนอนสีขาวสะอาดตัวใหม่และเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขามิได้ปลุกนาง
ขณะที่หญิงสาวกำลังหลับใหลกลีบปากนุ่มสีอ่อนหวานของนางเผยอเปิดเล็กน้อย แพขนตาหนานุ่มดูยาวมากเป็นพิเศษ เงาที่ทาบทับบนขอบตาล่างปรากฏเป็นรูปจันทร์เสี้ยวโค้งมน ผิวของนางเดิมทีก็ขาวนวลเนียนอยู่แล้ว เมื่อถูกบดบังด้วยไอน้ำเบาบางโดยรอบ ใบหน้าราบเรียบก็ยิ่งผุดผ่องไร้ราคี
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 ก.ย. 68