จ้าวเฟิ่งเสียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ตอนนั้นเองประกายแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นท่ามกลางความมืด มิใช่มีดสั้นเล่มนั้นในมือจ้าวเฟิ่งเสียน แต่เป็นมีดสั้นที่กู้เจี้ยนหลีชักออกมาจากใต้หมอน นางรีบถอยหลังให้หลบพ้นจากคมมีดตรงลำคอ จากนั้นถีบจ้าวเฟิ่งเสียนออกสุดแรง
จ้าวเฟิ่งเสียนร้อง “โอ๊ย!” พร้อมกับที่ก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
กู้เจี้ยนหลีตัวเล็กบอบบาง แรงไม่เยอะ เดิมทีไม่ควรถีบจ้าวเฟิ่งเสียนล้มได้ ทว่าจ้าวเฟิ่งเสียนราคะขึ้นสมอง ในหัวสนใจแต่เรื่องสัปดนจนไม่คิดว่ากู้เจี้ยนหลีที่อ่อนแอจะต่อต้านจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
กู้เจี้ยนหลีรีบกระโดดลงจากเตียงหลัวฮั่น ตะโกนเสียงดังว่า “ลี่จื่อ!”
ถูกต้องแล้ว ทุกคนในจวนก่วงผิงป๋อล้วนไม่สนใจความเป็นความตายของนาง อยากให้นางรีบตายจากไปทั้งนั้น กระทั่งฉางเซิงกับหลินหมัวมัวนางก็ไม่เชื่อใจ ทว่าลี่จื่อกลับต่างออกไป เด็กผู้นั้นบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว ไม่เข้าใจแผนร้ายทั้งปวง บางทีอาจพอมีหวังอยู่บ้าง
“นางคนไม่รู้ดีชั่ว!” จ้าวเฟิ่งเสียนตะเกียกตะกายขึ้นมากระชากข้อมือหญิงสาวแล้วดึงนางกลับมาโยนลงบนเตียงหลัวฮั่นได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เข้าตะครุบอย่างว่องไว
กู้เจี้ยนหลีกำมีดสั้นในมือแน่น กรีดลงบนคอจ้าวเฟิ่งเสียนโดยปราศจากความลังเล
จ้าวเฟิ่งเสียนร้องออกมาก่อนผลักนางออก เขาคลำลำคอตนเองก็พบคราบเลือด เพียงแต่กู้เจี้ยนหลีแรงน้อยเกินไป บาดแผลบนคอเขาจึงไม่ลึก
กู้เจี้ยนหลีรีบถือโอกาสร้องเรียกลี่จื่ออีกหลายครั้ง
จ้าวเฟิ่งเสียนชี้หน้าอีกฝ่ายพลางกัดฟันพูด “ข้าเอ็นดูเจ้าหรอกจึงอ่อนข้ออยู่เช่นนี้ หากยังไม่เชื่อฟังก็อย่าโทษที่ข้าหยาบคายใส่ก็แล้วกัน!”
พอเห็นว่ารอยแผลนั้นตื้นเขินจนทำอะไรจ้าวเฟิ่งเสียนไม่ได้ แววตากู้เจี้ยนหลีพลันปรากฏร่องรอยผิดหวัง
หากที่คอไม่ได้ผล ควรเป็นที่ใดเล่า…
ดวงตา!
บิดาของนางเคยกล่าวไว้ว่า ‘หากรู้ว่าข้างหน้าเป็นทางตัน สู้ให้ตายกันไปข้างยังดีกว่ายอมจำนน’
ไม่รอให้จ้าวเฟิ่งเสียนเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ กู้เจี้ยนหลีพลันแทงมีดสั้นที่กุมไว้ในมือลงบนร่างเขาจนสุดแรง หากคนผู้หนึ่งไม่กลัวตายขึ้นมา ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่เกรงกลัวอีกแล้ว
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา!” จ้าวเฟิ่งเสียนถอยกรูดไปด้านหลังไม่หยุด
ในมือเขาก็ถือมีดสั้นเอาไว้ ทว่ากลับตัดใจแทงลงบนร่างหอมกรุ่นนุ่มนิ่มของกู้เจี้ยนหลีไม่ลง เพราะหากทำเช่นนั้นร่างกายนั้นจะมีตำหนิ ความเริงรมย์ย่อมจะลดลงทันที…
จ้าวเฟิ่งเสียนเพียงอยากบีบบังคับแต่ไม่ต้องการทำร้ายกู้เจี้ยนหลี พอนางกวัดแกว่งมีดสั้นของตนเองไปทั่ว เขาจึงทำได้เพียงถอยแล้วถอยอีก กระทั่งบนแขนกับใบหน้าปรากฏรอยกรีดขึ้นสองรอยเขาจึงเริ่มตอบโต้ คว้าจับข้อมือกู้เจี้ยนหลีไว้ได้ตอนที่มือตนเองถูกกรีดเป็นแผลลึก จากนั้นแย่งมีดสั้นไปจากมือนาง
มีดสั้นเล่มนั้นร่วงลงพื้นในที่สุด
“ดูถูกเจ้าเกินไปจริงๆ! จุๆ ดูเหมือนอ่อนแอบอบบาง คิดไม่ถึงว่า…” จ้าวเฟิ่งเสียนกระชากแขนนางและดันนางชิดผนัง
ในห้องมืดมาก
ตอนกู้เจี้ยนหลีถอยหลังไปฝีเท้าซวนเซ จ้าวเฟิ่งเสียนจึงก้มลงมองโดยสัญชาตญาณ จังหวะนั้นนางดึงปิ่นออกจากเรือนผม เส้นผมดำขลับพลันปล่อยสยาย
ชั่วขณะที่จ้าวเฟิ่งเสียนเงยหน้าด้วยความตกใจปิ่นในมือกู้เจี้ยนหลีก็ปักเข้าไปในดวงตาเขาอย่างจังจนเลือดสดๆ พุ่งทะลัก
“อ๊าก!” จ้าวเฟิ่งเสียนร้องครวญครางอย่างทรมาน
เขาถอยหลังไปด้วยความเจ็บ กระแทกกับม้านั่งเล็กเข้าจนล้มลงไปกองกับพื้น
กู้เจี้ยนหลีรีบพุ่งไปหยิบมีดสั้นที่ตกอยู่บนพื้น จากนั้นถลาเข้าไปแทงจ้าวเฟิ่งเสียน
นางไม่รู้ตำแหน่งของหัวใจอย่างแน่ชัด ทำได้เพียงแทงอยู่อย่างนั้น จ้าวเฟิ่งเสียนยกมือขึ้นขวาง นางก็ฟันมือเขา แทงลงตรงที่ใดได้ก็แทงลงตรงนั้น
ตอนที่ตกยากถึงขีดสุด ต่อให้นางต้องเอาของต่างหน้ามารดาไปจำนำ ก็ไม่ยอมขายมีดสั้นคมกริบที่บิดาให้มาเล่มนี้ทิ้ง
กู้เจี้ยนหลีไม่รู้เลยว่าตนเองแทงเขาไปกี่แผล นางทั้งแทงทั้งฟันซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งจ้าวเฟิ่งเสียนไม่ขยับตัวอีก
มีดสั้นในมือร่วงหล่นลงพื้น กู้เจี้ยนหลีเองก็ทรุดฮวบลงนั่งมองจ้าวเฟิ่งเสียนที่จมอยู่ในกองเลือด ทั้งร่างเริ่มสั่นเทิ้ม น้ำตาพรั่งพรูลงพื้นไม่หยุด ความกล้าที่เกิดจากการอยากมีชีวิตรอดอันตรธานไปจนสิ้น หลงเหลือเพียงความหวาดกลัวถึงขีดสุด
นางฆ่าคน…