บทที่ 10 เตือนคนทั้งหลาย
เมิ่งอี๋เหนียงรู้แก่ใจดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงต้องการจะเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อสร้างบารมีในจวนป๋อแห่งนี้
แม้เมิ่งอี๋เหนียงจะสงสารเจียงชิงอวี้เพียงใด แต่ก็รู้ว่าถ้าออกหน้าพูดในยามนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมีแต่จะลงโทษเจียงชิงอวี้หนักขึ้นกว่าเดิม เมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็ไม่ไว้หน้านางต่อหน้าคนทั้งหลายเช่นกัน ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับเจียงเทียนโย่วแล้ว
นางจึงหันหน้าไปมองเจียงเทียนโย่ว ก็เห็นเขากำลังยิ้มปะเหลาะฮูหยินผู้เฒ่าเจียง “ท่านแม่ อวี้เจี่ยยังเด็ก ไม่รู้ความ ท่านอย่าไปถือสานางเลยนะขอรับ” ก่อนจะหันหน้าไปตะคอกเจียงชิงอวี้ “เจ้าไม่ได้ยินที่ท่านย่าเจ้าพูด? ยังไม่คุกเข่ารับผิดกับท่านย่าเจ้าอีก!”
เจียงเทียนโย่วใช้น้ำเสียงเข้มดุดันเช่นนี้พูดกับเจียงชิงอวี้อย่างน้อยครั้งนัก เจียงชิงอวี้จึงรู้สึกคับข้องใจขึ้นมาทันที ในดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา และยิ่งดื้อรั้นกว่าเก่า เชิดหน้าไม่ยอมคุกเข่า
เจียงเทียนโย่วเห็นแล้วก็ไม่พอใจ เรื่องอื่นเขายอมเจียงชิงอวี้ได้ แต่เรื่องความกตัญญูนี้กลับไม่มีที่ให้ประนีประนอม เขารู้สึกว่าเป็นมนุษย์พึงต้องยึดความกตัญญูเป็นพื้นฐาน
ด้วยเหตุนี้เจียงเทียนโย่วจึงทำสีหน้าเข้มขึ้น พูดด้วยโทสะว่า “มานี่ คุกเข่าลง!”
จะอย่างไรเจียงเทียนโย่วก็เป็นคนที่เคยผ่านสนามรบ เคยเห็นเลือดมาก่อน ทันทีที่เขาทำหน้าเข้มบันดาลโทสะเยี่ยงนี้ เจียงชิงอวี้ก็นึกกลัวในใจเช่นกัน นางได้แต่คุกเข่าลงด้วยความคับข้องใจ แต่กลับเม้มปากอย่างดื้อรั้น ไม่ยอมเอ่ยคำขออภัยออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองเจียงชิงอวี้อย่างเย็นชาปราดหนึ่งโดยไม่พูดอะไร เพียงแต่ทำเป็นมองไม่เห็นนาง จากนั้นก็ให้คนอื่นมาคารวะ
แม้เจียงเทียนโย่วจะเป็นถึงท่านป๋อ แต่เขามีอนุภรรยาในจวนไม่มาก นอกจากเมิ่งอี๋เหนียงก็มีซุนอี๋เหนียงผู้ให้กำเนิดเจียงชิงเซวียนบุตรสาวคนโต และโจวอี๋เหนียงผู้ให้กำเนิดเจียงชิงอวิ๋นผู้เป็นคุณหนูสี่
โจวอี๋เหนียงน่าจะเป็นอนุภรรยาที่เจียงเทียนโย่วรับเข้ามาหลังมาเมืองหลวง พวกเหยาซื่อเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ทว่าพวกนางล้วนรู้จักซุนอี๋เหนียงผู้นี้ อีกฝ่ายเป็นอนุภรรยาที่เจียงเทียนโย่วรับเข้ามาตอนอยู่ที่กานโจว
ซ้ำยังได้ยินอีกว่าตอนที่ซุนอี๋เหนียงตั้งครรภ์นั้นเดิมทีเป็นแฝดชายหญิง แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อายุครรภ์ได้ไม่ถึงเจ็ดเดือนก็คลอดก่อนกำหนด ขณะคลอดออกมาทารกทั้งสองล้วนใบหน้าคล้ำเขียว ท้ายที่สุดก็ช่วยทารกชายคนนั้นไว้ไม่ได้ เขาคลอดออกมาได้สามวันก็ตาย แม้เจียงชิงเซวียนจะรอดมาได้ แต่ก็ดูอ่อนแออย่างมาก ตอนนี้อายุได้สิบห้าปีแล้ว เอวยังบางจนแค่กำก็แทบหัก นางก้าวมาแสดงคารวะต่อฮูหยินผู้เฒ่าเจียงด้วยเสียงนุ่มนวลแผ่วเบา
เจียงชิงหว่านยังรู้ด้วยว่าซุนอี๋เหนียงผู้นี้เดิมทีเป็นสาวใช้ของเมิ่งอี๋เหนียง มีหนหนึ่งเจียงเทียนโย่วเมาสุรา เห็นนางมีรูปโฉมพริ้มเพราก็ลากนางขึ้นเตียง เพียงครั้งเดียวก็ตั้งท้องแล้ว
ได้ยินว่าเวลานั้นเมิ่งอี๋เหนียงเพิ่งจะตั้งครรภ์เช่นกัน หลังรู้เรื่องนี้กลับมิได้โมโห ต่อมาพอซุนอี๋เหนียงคลอดลูก นางยังเป็นฝ่ายเปรยกับเจียงเทียนโย่วว่าต้องการยกซุนอี๋เหนียงขึ้นเป็นอนุภรรยา น่าเสียดายที่ภายหลังซุนอี๋เหนียงไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ดีที่นางเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เคยก่อความวุ่นวายอะไร