สองปีมานี้เจียงเทียนโย่วกำลังไม่พอใจที่รูปร่างตนเองท้วมขึ้น ไม่ได้องอาจผึ่งผายเหมือนตอนหนุ่มๆ ดังนั้นอาหารเย็นจึงไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่จานผัก เรื่องเหล่านี้เหยาซื่อจะไปรู้ได้อย่างไร ที่สุดแล้วก็แค่ได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงเท่านั้น แต่ใจของเจียงเทียนโย่วอยู่กับเมิ่งอี๋เหนียงต่างหาก
อีกทั้งเมิ่งอี๋เหนียงก็เชื่อว่าตำแหน่งนายหญิงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องกลายเป็นของนาง ในใจจึงอดจะมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมขึ้นมาไม่ได้
ครั้นพวกฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกินอาหารเย็นเสร็จ สาวใช้มาเก็บจานชามออกไป พวกเมิ่งอี๋เหนียงถึงได้ออกไปกินข้าวบ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงนั่งคุยกับเจียงเทียนโย่ว เหยาซื่อ และหลานสาวหลานชาย ดูท่าทางรื่นเริงกลมเกลียวดี
ทว่าเจียงชิงอวี้รำคาญที่จะคุยกับคนเหล่านี้ ในใจนางดูถูกพวกฮูหยินผู้เฒ่าเจียง และก็ดูถูกเจียงชิงเซวียนและเจียงชิงอวิ๋นเช่นกัน ปกติก็ไม่ได้คุยเล่นกับคนทั้งสอง ยิ่งเห็นเจียงชิงหว่านที่นั่งอยู่ข้างฮูหยินผู้เฒ่าเจียงนางก็ยิ่งไม่พอใจกว่าเดิม
เรื่องที่เจียงชิงหว่านเป็นบุตรสาวสายตรงนั้นช่างเถอะ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดยิ่งว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงดีต่อเจียงชิงหว่านที่สุดในบรรดาหลานสาวทั้งหมด เรื่องนี้ชวนให้คนโมโหเกินไปโดยแท้
เจียงชิงอวี้เป็นคนปิดบังอารมณ์ตนเองไม่เป็น ดีใจเสียใจล้วนแสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด ผู้อื่นมีหรือจะไม่รู้ ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองเห็นแล้วจึงถามนางว่า “เจ้าคัดจรรยาสตรีแล้วหรือไม่ หาใช่ไม่เพียงแค่คัด ยังต้องท่องด้วย อีกสองวันข้าจะทดสอบเจ้า”
เจียงชิงอวี้เบิกตากว้าง
นางไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบแต่เล่นสนุก ดังนั้นแม้บิดาจะเชิญอาจารย์หญิงมาสอนหนังสือให้พวกนางพี่น้อง แต่นางก็ไปเรียนน้อยครั้งนัก จนบัดนี้ยังรู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว แม้แต่ชื่อของตนก็ยังเขียนไม่เป็น นับประสาอะไรกับจรรยาสตรีเล่า เดิมทีนางคิดจะกลับไปสั่งให้สาวใช้คัดแทน แต่คิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงยังบอกว่าจะทดสอบว่านางท่องได้หรือไม่ด้วย…
นางเริ่มไม่พอใจขึ้นมา ใบหน้าจึงบูดบึ้ง พูดอย่างเอาแต่ใจว่า “ข้าจะไม่คัดและจะไม่ท่องด้วย!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงหน้าเปลี่ยนสีไปบ้างแล้ว เอ่ยถามเจียงชิงอวี้ว่า “ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงไม่ชอบให้มีใครเถียงนางอย่างยิ่ง ดังนั้นนางจึงไม่ชอบเจียงชิงหว่านในอดีต แต่กลับชอบเจียงชิงหว่านคนปัจจุบัน เนื่องจากเจียงชิงหว่านในตอนนี้ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังนาง ตรงกับหลานสาวประเภทที่นางอยากได้ที่สุด
แน่นอนว่าเจียงชิงหว่านก็เดาความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ จึงจงใจทำท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าอีกฝ่าย อันที่จริงเดิมทีนางเป็นคนสดใสร่าเริง หนักไม่เอาเบาไม่สู้ นิสัยก็ดื้อรั้นเช่นกัน เพียงแต่ต่อมาเคยประสบผ่านเรื่องเหล่านั้น นิสัยจึงเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย
เจียงเทียนโย่วเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเจียงโมโหก็รีบไกล่เกลี่ย “ท่านแม่ เรื่องนี้ต้องโทษลูกเอง เป็นเพราะปกติลูกงานยุ่ง ไม่มีเวลาดูแลสั่งสอนนาง ถึงได้ปล่อยให้นางหนีเรียน จนถึงบัดนี้นางก็รู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว ท่านแม่ให้นางคัดจรรยาสตรี ซ้ำยังให้ท่องด้วย เกรงว่านางคงยังทำไม่ได้จริงๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ยินแล้วก็โมโหจนหัวเราะออกมา
เจียงเทียนโย่วรู้ทั้งรู้ว่าเจียงชิงอวี้รู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว ไม่มีทางคัดจรรยาสตรีได้ แต่กลางวันวันนี้ขณะนางบอกจะลงโทษให้เจียงชิงอวี้คัดจรรยาสตรียี่สิบจบเขากลับไม่พูดอะไร เห็นได้ว่าเห็นด้วยกับเรื่องที่เจียงชิงอวี้จะให้สาวใช้คัดแทนโดยปริยาย
ตามใจเจียงชิงอวี้จนถึงขั้นนี้เชียว! มิหนำซ้ำเจียงชิงอวี้ผู้นี้ยังมีท่าทีเอาแต่ใจเช่นนี้ต่อหน้านาง หากยังไม่สั่งสอนอีก วันหน้าก็ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นเช่นไร