กระนั้นในใจเจียงเทียนโย่วยังคงใส่ใจเจียงชิงอวี้ ไม่อยากปล่อยให้นางได้รับความคับข้องใจต่อหน้าคนจำนวนมาก จึงกล่าวกับพวกเจียงชิงเซวียนว่า “นี่ก็ค่ำแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ” จากนั้นก็มองเจียงชิงอวี้ปราดหนึ่ง “เจ้าก็กลับไปด้วย”
เจียงชิงอวี้อยากกลับนานแล้ว เมื่อได้ยินดังนี้ก็ลุกขึ้นทำท่าจะจากไปทันที แต่กลับถูกเจียงเทียนโย่วเรียกไว้ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “ไฉนจึงไม่คารวะและกล่าวลาท่านย่าเจ้าก่อน ไม่มีมารยาท”
เจียงชิงอวี้ได้แต่หันกลับมายอบตัวคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจียงอย่างไม่เต็มใจ กล่าวว่า “ท่านย่า หลานขอตัวเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองเจียงชิงอวี้อย่างเย็นชา ฝ่ายหลังทำปากเชิด ท่าทางไม่พอใจ ท่วงท่าทำความเคารพก็ไม่ถูกต้อง
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็มิได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าให้เจียงชิงอวี้เป็นอันว่ารับรู้
จากนั้นเจียงชิงเซวียนและเจียงชิงอวิ๋นก็ต่างคารวะกล่าวลาต่อฮูหยินผู้เฒ่าเจียง ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็พยักหน้าให้พวกนาง ก่อนมองพวกนางพาสาวใช้เดินจากไปเช่นกัน
เจียงเทียนโย่วเห็นเจียงชิงหว่านยังไม่ไปก็ถามนางว่า “ไยเจ้ายังไม่ไปอีก”
เขาไม่ได้พบฮูหยินผู้เฒ่าเจียงหลายปี อยากจะสนทนากับนางตามลำพัง แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงชิงหว่านจะถึงกับตาไม่มีแววเช่นนี้ ยังไม่ออกไปอีก
เจียงชิงหว่านยังไม่ทันพูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็ชิงตอบก่อน “วันหน้าหว่านเจี่ยจะพักอยู่ในเรือนซงเฮ่อกับแม่ เรือนปี้อู๋นั้นเก็บไว้ให้นางก่อน รอนางโตอีกหน่อยค่อยย้ายไป”
เจียงเทียนโย่วได้ยินแล้วก็รู้สึกตระหนกตกใจยิ่ง
นี่เพียงพอจะเห็นได้แล้วว่าในใจมารดาชมชอบเจียงชิงหว่านมากเพียงไร หากแต่เขาจำได้ชัดเจนว่าครั้งก่อนๆ ที่กลับไปกานโจว มารดาไม่ชอบเจียงชิงหว่านอย่างยิ่ง เวลาเล่าถึงอีกฝ่ายให้เขาฟังน้ำเสียงก็ล้วนติดรำคาญ ทว่าบัดนี้…
เจียงเทียนโย่วมองเจียงชิงหว่าน
เจียงชิงหว่านภายใต้แสงเทียนดูมีใบหน้าขาวผ่องใสมีน้ำมีนวลราวกับเครื่องกระเบื้องชั้นดี สีหน้าก็ดูสงบนิ่งยิ่ง หากบอกว่าเป็นบุตรสาวจากตระกูลใหญ่ก็ยังมีคนเชื่อ
นางยอบตัวคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจียงและเจียงเทียนโย่ว ก่อนกล่าวขอตัวกลับห้องด้วยเสียงนุ่มนวลแผ่วเบา
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงอนุญาต ก่อนบอกให้สาวใช้สองคนพานางไปส่งที่เรือนปีกตะวันออก เหยาซื่อเองก็ขอตัวจากไปเช่นกัน ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกับเจียงเทียนโย่วนั่งสนทนากันอยู่ในห้องกลาง
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกับเจียงเทียนโย่วคุยกันถึงเรื่องการอบรมเลี้ยงดูคุณหนูในจวน
“เมื่อก่อนแม่ไม่รู้ว่าพวกนางเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่วันนี้จากที่แม่มองดู อวี้เจี่ยมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจอย่างไม่ต้องสงสัย มารยาทและการศึกษาที่ควรมีก็ไม่มีสักนิด แม้แต่เซวียนเจี่ยกับอวิ๋นเจี่ยก็ดูกระโดกกระเดก ไม่มีอะไรให้เอาไปอวดชาวบ้านได้เช่นกัน พึงรู้ว่าเด็กหญิงล้วนเป็นคนล้ำค่าของบ้าน วันหน้าหาสามีดีๆ ที่ตระกูลมีอำนาจให้พวกนางก็จะมีประโยชน์ต่อเส้นทางขุนนางของเจ้าด้วย ตอนนี้จะอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงป๋อ ไม่เหมือนตอนอยู่ที่กานโจว ในจวนจะต้องมีกฎระเบียบ เช่นนี้จึงจะทำให้ตระกูลดำรงอยู่สืบไปได้”