ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเอนตัวหลับตาพักเอาแรงอยู่บนเตียงเตา จู่ๆ ก็เห็นสาวใช้วิ่งหน้าเริดมาบอกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า แย่แล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงยังลืมตาขึ้นมาตำหนินางอย่างรุนแรงว่า “อะไรคือแย่แล้ว เจ้าพูดจาให้ชัดเจนเป็นหรือไม่” จากนั้นก็ถามนางว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
คนอายุมากแล้วย่อมจะชอบคำพูดที่เป็นมงคล ไม่ชอบฟังคนพูดจาเยี่ยงนี้ที่สุด
สาวใช้น้อยอึ้งไป
เดิมทีนางอยากวิ่งมาเอาความดีความชอบ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าเจียงบริภาษแทนเสียได้ ยามนี้ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเจียงถามขึ้น นางก็ยังคงรีบเล่าเรื่องที่คุณหนูรองโต้เถียงร้องด่าโจวหมัวมัวออกมา
ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ฟังก็คิดว่าไม่ได้การแล้ว จึงรีบเรียกเถาเยี่ยมาประคองตนเดินไปห้องเรียนหลังเรือนหลัก ส่วนฝูหรงเห็นว่าเรื่องแย่แล้ว จึงรีบบอกให้ชุนเยี่ยนนำเรื่องนี้ไปบอกให้เมิ่งอี๋เหนียงทราบ
ชุนเยี่ยนรับคำแล้วหันหลังวิ่งรวดเร็วราวเหาะออกประตูไป
ขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงถูกเถาเยี่ยประคองเดินมา ก็เห็นเจียงชิงอวี้กำลังยืนชี้หน้าด่าโจวหมัวมัวพอดี “ท่านย่าให้ไม้เรียวเจ้าอันหนึ่งก็แค่ให้เกียรติเจ้าเป็นพิธีเท่านั้น เจ้ากลับถือเป็นจริงเป็นจัง ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงกับกล้าใช้มันชี้ข้า หรือว่าเจ้ายังอยากใช้มันตีข้าด้วย!”
ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เจียงชิงอวี้ถึงกับเรียกสาวใช้ที่เข้ามาดูเรื่องสนุกผู้หนึ่งให้เก็บไม้เรียวนั้นให้นาง นางถือไว้ด้วยสองมือพลางออกแรงคิดจะหักมัน
หากแต่ไม้เรียวมีความอ่อนนุ่ม ไหนเลยจะหักได้ง่ายๆ เจียงชิงอวี้จึงรู้สึกเก้อกระดากขึ้นมา คล้ายว่าคนในห้องล้วนกำลังรอดูเรื่องน่าขบขันของนางก็มิปาน ด้วยเลือดขึ้นหน้าจึงโยนไม้เรียวลงพื้น ซ้ำยังเห็นว่าไม่พอ จึงออกแรงเหยียบไปอีกหลายที
เหยียบไปพลางด่าโจวหมัวมัวไปพลาง “ข้าอยากจะดูซิว่าวันหน้าเจ้ายังจะเอาอะไรมาชี้ข้าอีก!”
ครั้นเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกำลังยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าเย็นยะเยือกราวกับปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง
เจียงชิงอวี้คล้ายถูกน้ำเย็นเฉียบทั้งถังราดลงหัว เพลิงโทสะและความอวดดีในใจนางหายไปทันใด พึมพำเอ่ยเรียก “ท่านย่า”
พวกเจียงชิงหว่านรู้เช่นกันว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมาแล้ว จึงพากันวางสะดึงในมือลงแล้วลุกขึ้นยืน เอ่ยเรียก “ท่านย่า”
สาวใช้ที่ด้านข้างก็ต่างเอ่ยปากเรียก “ฮูหยินผู้เฒ่า”
เมื่อครู่โจวหมัวมัวปล่อยให้เจียงชิงอวี้อาละวาดโดยมีสีหน้าสงบนิ่งตลอด ยามนี้รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมาแล้ว นางก็หันไปยอบตัวคารวะ เอ่ยเรียกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า” เสียงก็สงบนิ่งเช่นกัน ฟังดูไม่ใส่ใจสักนิดว่าเมื่อครู่เจียงชิงอวี้ด่าหยามเกียรติตนเองอย่างไร ทว่าคำพูดที่กล่าวถัดมายังคงทำให้คนรู้ว่าอันที่จริงนางใส่ใจยิ่ง “ยายเฒ่าผู้นี้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง เกรงว่าคงสอนหลานสาวของท่านไม่ได้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญผู้มีความสามารถมาสอนจะดีกว่า”