รอจนฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกับเจียงเทียนโย่วบอกเล่าเรื่องราวระหว่างที่จากกันได้พอสมควรแล้ว เจียงชิงหว่านถึงได้เดินไปคารวะพร้อมกับเหยาซื่อ
ฟังอยู่ด้านข้างได้ครู่หนึ่ง เจียงชิงหว่านก็พอจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าเจียงเทียนโย่วเป็นคนเช่นไร
จิ่นผิงอุ้มเบาะกกยืนอยู่ข้างๆ โดยตลอด บัดนี้เห็นเจียงชิงหว่านหันหน้ามามอง นางก็รีบก้าวไปวางเบาะกกลงบนพื้น
เจียงชิงหว่านก็คุกเข่าลงบนเบาะ โขกศีรษะให้เจียงเทียนโย่วสามครั้ง จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาว่า “ชิงหว่านคารวะท่านพ่อ ขอให้ท่านพ่อมีสวัสดิมงคลเจ้าค่ะ”
เด็กสาวฟุบหมอบอยู่ จึงมองไม่เห็นหน้าตาท่าทาง เห็นเพียงเรือนผมสีดำสนิทและแผ่นหลังอันบอบบาง
เจียงเทียนโย่วตระหนกตกใจยิ่ง
เขาจำได้ว่าตอนไปกานโจวเพื่อเชิญมารดามาเมืองหลวงเมื่อสามปีก่อน เขากำลังนั่งคุยกับมารดาอยู่ที่เรือนหลัก เจียงชิงหว่านก็หิ้วปลาสองตัวที่ใช้กิ่งหลิวเสียบร้อยไว้ในมือ ขากางเกงถกขึ้นถึงน่อง ที่เท้าไม่สวมรองเท้า ล้วนมีแต่โคลน
เวลานั้นมารดาบอกให้นางเรียกเขาว่า ‘ท่านพ่อ’ เด็กหญิงกลับมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เบือนหน้าหนีไปอีกด้าน ปากเชิดขึ้น พูดอย่างดื้อดึงว่า ‘คนผู้นี้มิใช่พ่อของข้า ข้าไม่มีพ่อ!’
พูดจบก็หันหลังวิ่งปรู๊ดออกไป ช่วงระหว่างที่เขาอยู่ที่นั่นนางก็ไม่เคยเอ่ยปากเรียกเขาว่า ‘ท่านพ่อ’ สักครั้ง
ในความทรงจำเขา เจียงชิงหว่านยังคงเป็นแม่นางน้อยที่ดื้อรั้นไม่รู้จักมารยาทผู้นั้น แต่ตอนนี้นางถึงกับดูอ่อนหวานรู้มารยาทเพียงนี้
บุคลิกท่าทางถึงขั้นธิดาตระกูลใหญ่เลยทีเดียว
เจียงเทียนโย่วจึงหันหน้าไปถามฮูหยินผู้เฒ่าเจียง “ท่านแม่ นี่…นี่คือหว่านเจี่ย?”
สีหน้าเขาตกตะลึงยิ่ง ด้วยไม่อยากเชื่อว่าเด็กสาวผู้นี้จะเป็นเจียงชิงหว่าน
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองเจียงชิงหว่านปราดหนึ่งด้วยแววตายิ้มๆ จากนั้นก็ตอบเจียงเทียนโย่ว “เป็นหว่านเจี่ยมิผิดหรอก” ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางให้เขาฟังว่า “ระหว่างทางที่มาหว่านเจี่ยเกิดตกน้ำ หลังฟื้นแล้วนางก็บอกแม่ว่าได้เดินผ่านประตูยมโลกมา คิดตกได้หลายเรื่อง วันหน้าจะไม่ซนไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว ตอนแรกแม่ยังไม่เชื่อ นึกว่านางกำลังหลอกแม่ แม่จึงเฝ้ามองนางตลอดทาง เห็นนางมีนิสัยนิ่งเงียบขรึมแล้วจริงๆ ซ้ำยังขอให้แม่สอนหนังสือให้ ตอนนี้เจ้าดูสิ กิริยาวาจาของนางเหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่หรือไม่”
เจียงชิงหว่านมองออกว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพอใจในตัวนางยิ่ง แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับการที่เจียงชิงหว่านจงใจทำตัวใกล้ชิดอีกฝ่ายมาตลอดทาง มิเช่นนั้นคงไม่ถึงกับขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงสอนหนังสือนางทั้งๆ ที่นางก็รู้หนังสืออยู่แล้ว นี่ก็เพราะอยากจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงรู้ว่านางต้องการปรับปรุงตัวใหม่ ทำตัวเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายจริงๆ
ดูจากยามนี้แล้ว บรรดาเรื่องที่นางทำลงไปล้วนไม่เสียเปล่า ระยะนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองนางเปลี่ยนไป เห็นชัดว่ามีท่าทางสนิทชิดเชื้อกว่าตอนที่นางฟื้นขึ้นมามาก