บทที่ 1
…หายไปแล้ว…มันหายไปแล้ว…ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ามันยังจอดอยู่ตรงนี้ ตอนที่เธอเปิดประตูออกมาหยิบต้นไม้หน้าบ้านไปเปลี่ยนกระถาง เจ้าสีเงินก็ยังจอดนิ่งสงบอยู่ใต้เงาแดด
…หากแต่นี่…ตรงที่เคยเป็นที่จอดเจ้าสีเงินกลับมีโซ่สีดำวางอยู่แทน
หญิงสาวร่างโปร่งบางก้มลงหยิบเจ้าโซ่ดำที่ถูกประทุษร้ายตัดคอขาดขึ้นมาดูด้วยอาการเลื่อนลอย
…หมดกัน…มันตัดเจ้าดำแล้วเอาเจ้าเงินไป
“โว้ย ไอ้บ้า”
เสียงตะโกนดังอย่างเหลืออดของเธอทำคนร่างสูงที่เพิ่งเปิดประตูบ้านออกมาสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาคมสีดำสนิทของหญิงสาวตวัดมอง อารมณ์ที่เพิ่งเสียของรักที่ซื้อมาได้แค่สองอาทิตย์ก็ทำเอาพาลโกรธไปเสียหมด
“มองหน้าทำไม มีปัญหาหรือไง”
ชายหนุ่มร่างสูงเกินกว่ามาตรฐานหนุ่มๆ ในประเทศนี้สะดุ้งอีกรอบ ด้วยไม่นึกว่าสาวเจ้าอารมณ์คนนี้จะหันมาพูดด้วย เขาขยับปากจะปฏิเสธ หากแต่ไม่ทันสาวน้อยอารมณ์ลมกรด เพราะร่างโปร่งบางผลุบหายเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูกระแทกใส่หน้าเขาเสียงดังปัง
“ยายเหรอ หนูเองนะยาย จักรยานหายอีกแล้ว หายไปแล้ว” เสียงโอดครวญดังฟ้องข้ามขอบฟ้า
“อะไร หายอีกแล้วเหรอ คันที่สองแล้วนะ” คนทางปลายสัญญาณร้องดังอย่างตกใจ ยิ่งทำชาคริยาเดือดในอารมณ์ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างขัดใจ
“ใช่สิยาย หายไปอีกแล้ว คันที่สองแล้ว คันแรกหายต้นเดือน คันที่สองหายปลายเดือน จะบ้าเปล่าเนี่ย ใครนะที่บอกว่าญี่ปุ่นปลอดภัย ปลอดภัยกับผีน่ะดิ โอ๊ยยยยยย อยากฆ่าคน”
ไม่พูดเปล่า เพราะตุ๊กตาหมีตัวกลมที่ตั้งโชว์อยู่หลังโทรทัศน์ถูกปาไปกระทบข้างฝาระบายอารมณ์
“แล้วเจ้าจะทำไง”
“ไปแจ้งตำรวจ แค่นี้ก่อนนะยาย หนูไปแจ้งตำรวจก่อนล่ะ”
รวดเร็วราวกับพายุหมุน เธอก็กดปุ่มตัดสัญญาณ ก้มลงคว้าหมีที่ถูกปาลงไปนอนเค้เก้บนพื้นมาตั้งไว้ที่เดิม หันไปเอื้อมหยิบหมวกแก๊ปมาสวมกันแดดอันจัดจ้าของหน้าร้อน แล้วเปิดประตูเดินจ้ำพรวดตรงไปยังป้อมตำรวจที่จำได้ว่าเคยเห็นอยู่แถวๆ หน้ามหาวิทยาลัยในทันที