“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเขียนคำร้องแจ้งความสองใบครับ ว่าแต่ทำไมตอนที่หายไปคันแรกถึงไม่มาแจ้งความล่ะครับ”
“ก็ไม่นึกนี่ว่ามันจะหายอีกคัน ตอนหายไปคันแรกนึกว่าฟาดเคราะห์ ทำบุญทำทานคนอดอยาก แต่ไม่นึกว่าที่นี่คนอดอยากจะมีเยอะขนาดนี้”
เธอลอยหน้าพูดกัดให้คนฟังได้แสบๆ คันๆ อีกแล้ว มาร์คมองสบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนก่อนจะยิ้มแหยๆ เป็นเชิงขอโทษ
…ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่ยิ้มขอโทษแทนคนข้างตัวไปก่อนคงจะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“คนญี่ปุ่นไม่ใช่ขโมยทั้งหมดนะครับ”
ตำรวจคนอ้วนแก้ตัวอ่อยๆ หญิงสาวตอบรับ แต่คำบ่นยังตามมาอีกยาวเหยียด ก่อนที่คุณตำรวจจะดึงกลับเข้าไปซักถามยังหัวข้อที่ต้องการต่อ
ราวยี่สิบนาทีการเขียนเอกสารแจ้งความจึงเสร็จ ชาคริยาเซ็นชื่อรับรองเรียบร้อย แถมมาร์คยังต้องเซ็นชื่อตัวเองเป็นพยานด้วยอีกคน
“อ้าว คนญี่ปุ่นหรือ นึกว่าคนต่างชาติ….ซากุระอิ ฮายาโตะ” คุณตำรวจคนผอมถามชายหนุ่มอย่างแปลกใจ ชาคริยาก็เพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนข้างห้องชื่อ ‘ซากุระอิ ฮายาโตะ’ เอาตอนนี้นี่ล่ะ หลังจากที่เห็นหน้ากันมานานหลายเดือน
“ครับผม เป็นลูกครึ่งครับ พ่อเป็นคนญี่ปุ่น แม่เป็นคนเยอรมัน” ชายหนุ่มอธิบายเสียงเรียบๆ ไม่แสดงความรู้สึกอะไร
“เอาล่ะ เดี๋ยวช่วยไปชี้ตำแหน่งที่จอดจักรยานให้ด้วยนะครับ ว่าแต่มากันยังไงครับ” คุณตำรวจคนอ้วนถามอย่างมีน้ำใจ
“เดินมาค่ะ จักรยานถูกขโมยไปแล้วนี่” เสียงใสสะบัดตอบ มาร์คแทบอยากจะส่ายหน้าด้วยความระอา
…มีเหน็บทุกคำเลย ทำไมเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้นี่
“งั้นไปด้วยกันมั้ยครับ แต่รถอาจจะแคบไปหน่อย”
หญิงสาวทอดสายตามองตามสายตาตำรวจหนุ่มคู่หูต่างไซส์ รถยนต์คันเล็กแบบมินิคาร์สี่ประตูสีขาวแถบดำ บนหลังคารถมีไฟฉุกเฉินสีแดงติดตั้งพร้อมด้วยตราตำรวจติดหราอยู่ด้านหน้าดูคันกระจ้อยจนคุณตำรวจตัวโตไม่น่าจะยัดร่างเข้าไปได้
“ไม่เป็นไรค่ะ แคบก็นั่งได้” เธอรีบรับคำก่อนคุณตำรวจจะเปลี่ยนใจ
…ก็เรื่องอะไรจะต้องเดินให้เมื่อย แถมยังจะได้นั่งรถตำรวจในต่างประเทศอีกด้วย ประสบการณ์ชั้นเยี่ยม คว้าเอาไว้แล้วไปเล่าหากินได้อีกนาน
ชาคริยาคิดอย่างกระหยิ่ม ลืมไปแล้วว่าเพิ่งเคืองจากการจักรยานหาย ความรู้สึกมันคงจะฉายชัดออกมาทางดวงตา คนที่คอยเหลือบมองจับสังเกตอารมณ์เธออย่างมาร์คจึงเห็นดวงตาดำสนิทคู่สวยเป็นประกายวาววับ เขาเผลอขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
…มีเรื่องอะไรถูกใจ
“แล้วคุณซากุระอิล่ะ”
“เดี๋ยวผมขอแยกไปเลยได้มั้ยครับ”
“อย่าเพิ่งเลย ไปด้วยกันก่อนดีกว่า เผื่อมีอะไรให้ช่วย” คุณตำรวจรีบรั้งหาพวกรองรับอารมณ์คนของหาย ลองตำรวจพูดออกมาอย่างนั้นเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร ถึงแม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาดก็ตามที
“แต่ว่า…สงสัยจะยัด เอ๊ย นั่งกันไม่หมด” คุณตำรวจคนอ้วนพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะหนุ่มลูกครึ่งร่างสูงตัวใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขี่จักรยานตามไป” เขาบอกเบาๆ เหลือบมองคนร่างโปร่งบางที่ตอนนี้ไปยืนอยู่ข้างรถตำรวจมองสำรวจสิ่งต่างๆ ด้วยความสนใจเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามคนมองสบตากันโดยมิได้นัดหมาย แล้วต่างก็เผลอถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน
…สงสารก็สงสาร แต่หนักใจในฝีปากก็หนักอยู่ไม่แพ้กัน
ติดตามบทที่ 2 ได้แล้ววันนี้!