มาร์คปั่นจักรยานมาส่งหญิงสาวเพื่อนข้างห้องที่หน้าประตูห้อง หากชาคริยาไม่ยอมลงจากจักรยานทั้งๆ ที่รถจอดเรียบร้อยแล้ว เธอยังนั่งหน้าตาเฉยอยู่อย่างนั้น จนเขาจำต้องพูดออกมา
“ถึงบ้านแล้วครับ”
“รู้แล้ว” ลอยหน้าลอยตาตอบ แถมมือยังเกาะตะแกรงเหล็กซ้อนท้ายเอาไว้แน่น ขาก็ไม่ยอมเอาลงแตะพื้นช่วยพยุงรถ ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรับน้ำหนักเองคนเดียว
“แต่ฉันจะไปมหาวิทยาลัย”
มาร์คนึกเดาคำสั่งต่อไปออกทันที
…เขากลายเป็นสารถีจำเป็นไปเมื่อไหร่นี่
เขาเริ่มปั่นจักรยานตรงไปยังมหาวิทยาลัยที่เห็นอยู่ไกลๆ เบื้องหน้าทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้เธอพูดอะไร ชาคริยายิ้มกว้างอย่างพอใจ
“ดีมาก รู้งาน ไม่ต้องให้พูดมาก”
ดูท่าคนซ้อนคงจะสบายอารมณ์ไม่เบา เพราะเสียงฮัมเพลงทำนองคุ้นหูดังหงุงหงิงพอให้เขาได้ยิน มาร์คอดยิ้มออกมาไม่ได้
…แม่สาวอารมณ์ราวกับคลื่น…เดี๋ยวก็ซัดสาดเข้ามาไม่ทันให้ตั้งตัวราวกับมีพายุ แต่บางทีก็แค่เคลื่อนมากระทบชายฝั่งเบาๆ ราวกับเสียงดนตรี
…ชาคริยา…นามิ…คลื่นเจ้าอารมณ์
มาร์คไขกุญแจเปิดประตูห้องพักเข้ามาเมื่อฟ้าจางแสงอาทิตย์แล้ว แม้จะเป็นช่วงปิดเทอม หากเขาก็ไม่ได้หยุดไปมหาวิทยาลัยเหมือนคนอื่นๆ ด้วยเพราะงานทดลองที่ทำค้างอยู่ยังไม่เสร็จ เขาก็เลยต้องไปมหาวิทยาลัยทุกวัน
…นี่ยังดีที่ไม่ต้องคอยเฝ้าการทดลองทั้งวันเหมือนเมื่อช่วงเดือนก่อน
เขายัดข้าวกล่องที่ซื้อติดมือมาจากร้านสะดวกซื้อข้างมหาวิทยาลัยเข้าตู้ไมโครเวฟ กดปุ่มตั้งเวลาก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบนมขึ้นมากรอกปากดื่มแบบไม่ต้องพึ่งพาแก้วให้เสียเวลา ครบหนึ่งนาทีครึ่งพอดี อาหารกล่องที่เป็นข้าวหน้าเนื้อกล่องใหญ่ก็ร้อนและหอมกรุ่นควันฉุยเตรียมพร้อมที่จะลงไปนอนอุ่นอยู่ในท้องเขาแล้ว มาร์คใช้เวลาไม่ถึงห้านาที เจ้าอาหารในกล่องก็หายเกลี้ยงลงไปในกระเพาะเขาจนหมด กำลังเอนตัวนั่งผึ่งพุงบนเก้าอี้แบบปรับระดับได้ เสียงตึงตังก็ดังลอดมาจากข้างห้องทางด้านขวา มาร์คขมวดคิ้ว
…แม่คลื่นสาว…นามิ…ชาคริยา
มาร์คคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าใสผมสั้นยุ่งเหยิงและดวงตาเจ้าอารมณ์ คิดถึง…แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคว้ากระดาษดินสอขึ้นมาร่างรูปวาดลงไปอย่างเจนจัด
…เขาชอบวาดรูป
มันก็เริ่มมาจากการชอบอ่านการ์ตูนนั่นล่ะ อ่าน…แล้วก็ซึมเข้าไปในความรู้สึก ใครจะรู้ว่าตอนเด็กๆ เขาฝันอยากจะเป็นนักวาดการ์ตูน หากแต่พอโต ฝีมือแค่พอไปวัดไปวาได้ก็ทำให้เขาตัดใจ หันมาหาสิ่งที่ชอบรองลงมา…ทะเล เขาชอบทะเล ก็เลยมาเรียนอะไรที่เกี่ยวกับทะเลแทน หากแต่เขาก็ไม่เคยทิ้งในสิ่งที่รัก…การวาดรูป
เพียงครู่เดียวกระดาษขาวที่ว่างเปล่าก็ปรากฏชัดเป็นรูปร่าง เขายิ้มอย่างพอใจยามมองรูปนั้น แม่สาวข้างห้องยืนทำหน้าบูด ในดวงตามีกองเพลิงลุกโชนอยู่ข้างกุญแจสีดำดอกโตกว่าปกติที่วางอยู่แทบเท้า เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ลงเส้นอีกสองสามครั้ง ควันแห่งความโกรธก็พวยพุ่งออกจากหูทั้งสองข้าง
…นี่ล่ะ เธอในวันนี้
เสียงตึงตังข้างห้องเงียบไปแล้ว แต่มาร์คยังไม่หยุดยิ้ม มองหน้าคนในรูปวาดแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาอีก
…ปั่นจักรยานเหนื่อยไปหน่อย แต่ก็ยังดีได้กินชีสเบอร์เกอร์ แถมด้วยนักเก็ตอีกห้าชิ้น แต่เสียดาย…สนูปปี้สามตัวที่เธอได้ไป เขาก็อยากได้ไม่แพ้กัน
ติดตามบทที่ 3-5 ต่อวันที่ 8 เม.ย. 64