…เชื่อเรื่องเวรกรรมมั้ย
คนอื่นอาจจะไม่เชื่อ แม้แต่มาร์คก็เพิ่งจะมาเชื่อเมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำเวรทำกรรม หรือทำบุญทำทานร่วมกับคนข้างห้องมาตั้งแต่ชาติปางไหน ผลบุญผลกรรมที่ไม่เคยจะแสดงผลก็กลับมาแผลงฤทธิ์ติดๆ กันแทบทุกวันในช่วงนี้ เพราะทุกครั้งที่เขาปั่นจักรยานออกจากบ้าน เป็นต้องเจอสาวน้อยเดินต๊อกๆ ไปตามทางอยู่ข้างหน้าทุกที และเขาก็ต้องกลายเป็นสารถีจำเป็นขี่จักรยานไปส่งที่ตึกของเธอทุกครั้ง เพราะถึงแม้จะอยู่คณะเดียวกัน แต่เรียนกันคนละภาควิชาเลยทำให้แล็บของเธอกับเขาอยู่คนละตึก หากอย่างหนึ่งที่เขาอดแปลกใจไม่ได้…เธอไม่เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องที่เจอเขาในบาร์แห่งนั้นเลยสักคำ
“ยังไม่เจอจักรยานหรือครับ”
เขาทำใจกล้าเอ่ยถามขึ้นมาในวันหนึ่ง หลังจากที่ขี่จักรยานให้เธอซ้อนท้ายมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว
“ยังไม่เจอ” ทำเสียงขึ้นจมูกเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากคุยเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังอยากถามต่อ
“แล้วไม่ซื้อใหม่หรือครับ”
“ซื้อใหม่ทำไม ซื้อมาให้หายใหม่น่ะเหรอ ไม่มีทาง ตอนนี้ฉันอยู่ในโหมดทรมานตัวเอง”
…ทรมานเขาล่ะมากกว่า มาร์คคิดอย่างปลงๆ
“ว่าแต่ถามทำไม ถ้าไม่อยากให้ฉันซ้อนจักรยานบอกกันตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องมาอ้อมค้อมเสียเวลา”
น้ำเสียงที่แหวมาแฝงรอยน้อยใจชัดจนทำเอาเขาต้องละล่ำละลักปฏิเสธ หารู้ไม่ว่าคนเจ้าเล่ห์แอบยิ้มอยู่ข้างหลัง
“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่ถามดูเฉยๆ”
“งั้นก็ดี ปั่นจักรยานเร็วๆ หน่อยสิ วันนี้ฉันมีสัมมนาเช้า นี่อีกห้านาทีเอง”
แล้วเธอก็กลับมาเป็นคนเดิม…น้ำเสียงที่สั่งไม่มีร่องรอยเกรงอกเกรงใจสักนิด เขาส่ายหน้า นึกด่าตัวเองอยู่ในใจ
…ไม่น่าไปใจอ่อนให้เลย ยายนามิลูกโตเลยได้ใจ
บ่นในใจไปอย่างนั้น หากเขาก็เร่งฝีเท้าในการปั่นให้เร็วขึ้นตามความต้องการของเธอแต่โดยดี