บทที่ 12
ณ เรือนฝูเสวี่ย
เมิ่งซู่ซีมาพักชั่วคราวที่จวนเจิ้นกั๋วกงครั้งนี้ ข้างกายมีสาวใช้เพียงผู้เดียว เวินซื่อกลัวว่านางจะมีคนใช้งานไม่พอจึงตั้งใจส่งสองคนไปปรนนิบัติที่เรือนฝูเสวี่ย
บ่าวของเจิ้นกั๋วกงล้วนฉลาดเฉลียวทุกคน หลายวันนี้พวกนางล้วนลือกันว่าเวินซื่อรับหลานสาวผู้นี้มา วันหน้าอาจจะเป็นคนของบ้านใหญ่ ดังนั้นจึงปรนนิบัติอย่างเต็มที่ ไม่กล้าเลินเล่อหรือชักช้าแม้แต่น้อย
เมิ่งซู่ซีมีเรื่องจะพูดกับสาวใช้ของตนเองจึงยิ้มสดใสพูดกับพวกนางว่า “ฟ้ามืดแล้ว ที่ห้องข้าไม่จำเป็นต้องมีคนคอยปรนนิบัติมากมาย พวกเจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ ซีหนิงอยู่ปรนนิบัติข้าล้างมือล้างหน้าก็พอแล้ว”
สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน พวกนางอยากจะอยู่ต่อแต่ไม่กล้าพูดมา ครุ่นคิดสักครู่ก็จำต้องโค้งคำนับแล้วถอยออกไป
หลังจากคนออกไปแล้วซีหนิงก็อ้อมมาข้างหลังนาง ช่วยถอดปิ่นหยกขาวกับปิ่นทองที่ปักบนมวยผมออก ปล่อยผมที่เกล้าไว้ให้สยายลงมาแล้วบีบนวดไหล่ “คุณหนูมีเรื่องในใจหรือเจ้าคะ”
เมิ่งซู่ซียกมือขึ้นปิดหน้าต่าง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ทางสาวใช้ในห้องของซื่อจื่อ เจ้าสืบอะไรมาได้หรือยัง”
ซีหนิงพยักหน้า “พี่สาวที่เรือนใหญ่เกรงใจบ่าวมาก มีบางเรื่องบ่าวยังไม่ได้ถาม พวกนางก็บอกบ่าวแล้วเจ้าค่ะ”
“ซื่อจื่อมีสาวใช้ห้องข้างหรืออนุภรรยาเหล่านี้หรือไม่” เมิ่งซู่ซีช้อนตาขึ้นถาม
ซีหนิงส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ” จากนั้นพูดเสียงเบาอีกว่า “บ่าวคิดว่าคุณหนูไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้ นิสัยขององค์หญิงใหญ่จิ้งอันท่านก็เห็นแล้ว จะยอมให้บ่าวไพร่เหิมเกริมได้อย่างไรเจ้าคะ และบ่าวก็ตั้งใจมองดูบ่าวหญิงที่ปรนนิบัติในห้องหนังสือซื่อจื่อ ทุกคนสำรวมอย่างมาก ไม่ใช่สาวใช้ที่คิดจะหว่านเสน่ห์ผู้เป็นนายอย่างนั้น”
เมิ่งซู่ซีพูดว่า “บนตัวพวกนาง…ใช้เครื่องหอมหรือไม่”
ซีหนิงยิ้ม “คุณหนูคิดอะไรเจ้าคะ บ่าวล้วนห้ามใช้เครื่องหอม ใครจะกล้าใช้เล่าเจ้าคะ”
ได้ยินดังนั้นเมิ่งซู่ซีสองมือกำหมัดแน่น นางมีความไวต่อพวกแป้งหอมเหล่านี้เป็นพิเศษตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
นางใช้นิ้วชี้แตะหน้าผาก นวดคลึงพลางพูดเสียงแหบแห้ง “ถ้าในเรือนไม่มีใคร แต่มีข้างนอกเล่า”
เพิ่งสิ้นเสียงพูดซีหนิงก็ยื่นมือไปปิดปากของเมิ่งซู่ซีเอาไว้ “นายหญิงตัวน้อยของข้า ท่านพูดอะไรเจ้าคะ คำพูดแบบนี้พูดส่งเดชได้หรือเจ้าคะ”
เมิ่งซู่ซีคว้าข้อมือของนางเอาไว้ ก่อนจะดึงซีหนิงเข้ามาใกล้และกระซิบพูดพักใหญ่
สีหน้าของซีหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “บ่าว บ่าวเห็นอารมณ์ของซื่อจื่อไม่สู้ดี ถ้าท่านหาคนสะกดรอยตามซื่อจื่อสุดท้ายกลับไม่พบอะไร ไม่เท่ากับได้ไม่คุ้มเสียหรือเจ้าคะ อีกอย่างตอนนี้ข้าหลวงของฉางอันล้วนชอบไปดื่มสุราที่ผิงคังฟาง ติดกลิ่นหอมมาบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”
เมิ่งซู่ซีพูดว่า “ที่เจ้าพูดมาเหล่านี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ถ้าเป็นความเข้าใจผิดนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี ข้ากลัวว่าเขาจะเป็นเหมือนท่านพ่อข้า เลี้ยงภรรยาลับไว้สองคน ปิดบังท่านแม่มาห้าปีเต็ม เจ้าหาสองคนที่ฉลาดคล่องแคล่วมาก็พอ เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าเป็นคนของข้า”