แสงยามพลบค่ำค่อยๆ เข้มขึ้น แสงสีแดงแผ่ทั่วท้องฟ้า
พ่อบ้านของจวนเจิ้นกั๋วกงเห็นลู่เยี่ยนเลิกงานกลับมาก็รีบโค้งตัวคารวะเขา
ลู่เยี่ยนพยักหน้าตอบกลับ หลังจากสั่งการเสียงเบาหลายประโยคแล้วก็ก้าวยาวเร็วอ้อมระเบียงทางเดินยาวและเข้าไปที่เรือนซู่หนิง
เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ มองดูข้อมือตนเองที่เคยถูกนางฉุดไว้ ขณะเดียวกันก็คิดถึงภาพราวอยู่ในความฝันเมื่อครู่ แววตานั้นราวกับทะเลลึกล้ำ
ถึงแม้เขาจะพูดกล่อมตนเองไม่หยุดว่านี่เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น
แต่ผิวพรรณขาวสว่างตาอย่างนั้น ไฝสาวงามเหนือกระดูกไหปลาร้า รวมถึงไอกายร้อนรุมยามใกล้ชิดกันยังคงติดตรึงในหัวของเขาสลัดไม่หลุด
ในตอนนี้เตากำยานภายในห้องมีควันลอยเอื่อยออกมา กลิ่นหอมเย้ายวนใจปกคลุมไปทั่วเหมือนกลิ่นจากปลายนิ้วของนางเหลือเกิน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็ยิ้มเยาะตนเองในทันใด
ใช่ เขายอมรับ คุณหนูสามที่ตกระกำลำบากของสกุลเสิ่นนางนั้นรูปโฉมไม่เบาเลยทีเดียว แต่หญิงสาวที่มีความงามเหนือใครบนโลกนี้มีมากมายนัก เขาคงไม่ถึงขั้นที่ว่าเพราะนางมีความงามน่าหวั่นไหว ในช่วงเวลานั้นก็เกิดความคิด…อย่างนั้นขึ้นกระมัง
ลู่เยี่ยนครุ่นคิดอยู่นานมาก ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก
เขาทำอะไรล้วนดูที่หลักฐานยืนยัน ไม่ชอบวิเคราะห์สิ่งที่สมมติขึ้นเหล่านี้เลย
สุดท้ายเขาเอาภาพฝันอันงดงามฉากนี้ทั้งหมดสรุปรวมว่าช่วงที่ผ่านมานั่งอยู่แต่ในศาล เหน็ดเหนื่อยเกินไป หรืออาจเป็นเพราะเขาเลือดลมพลุ่งพล่านตามประสาคนหนุ่ม
พอคิดแบบนี้เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ตอนที่กลับมาฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
แสงเทียนดับลงต้อนรับกลางคืนที่ยาวนาน
ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้าสู่ความฝันอีกครั้ง…
เขาลืมตาขึ้นช้าๆ พบว่าตนเองอยู่ที่ระเบียงทางเดินยาวของจวนเจิ้นกั๋วกง
แสงจันทร์ยามค่ำคืนมืดสลัวทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงที่ดูอึดอัดแต่เดิมมีความรู้สึกเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เขามองไปทางซ้ายมือ
สุดระเบียงทางเดินยาว หยางจงยกคอเสื้อของชายหนุ่มผู้หนึ่งกดไว้บนผนัง พูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ไป๋เต้าเหนียน เจ้าเป็นหมอเทวดาไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นหมอเทวดา เหตุใดโรคของซื่อจื่อจึงรักษาไม่หาย”
ชายหนุ่มโบกมือไม่หยุด “ซื่อจื่อมีบุญคุณต่อข้า ถ้าช่วยได้ ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร แต่ซื่อจื่อในตอนนั้นที่ได้รับไม่ใช่เพียงบาดแผลธนู ที่ถึงชีวิตจริงๆ คือพิษบนธนูนั้น! ข้าเดินท่องแดนซีอวี้มาหลายปีย่อมรู้ว่านั่นคือพิษกู่ชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘เหยา’ มีเพียงราชสำนักซีอวี้เท่านั้นที่มี ตอนที่พิษเหยาเข้าร่างกายไม่มีความผิดปกติอะไร แต่หลังจากนั้นสามปีจะดูเลือดของคนจนแห้งและชิงเอาชีวิตไป”
เมื่อฟังคำพูดนี้แล้วหยางจงก็เอ่ยเสียงสั่น “ไม่มียาถอนพิษจริงหรือ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ต่อให้บนโลกนี้มียาถอนพิษก็ไม่ทันกาลแล้ว เวลาสามปี พิษเหยาแทรกซึมไปทั่วร่างกาย ไม่มีทางช่วยได้อีกแล้ว”
หยางจงฟังแล้วสองมือกุมขมับและทรุดตัวลงทันที สีหน้าเจ็บปวดยิ่งกว่าคำพูดใด