บทที่ 5
ราชวงศ์จิ้นชาวเมืองใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ที่ผ่านมาล้วนชอบการรวมกลุ่มดื่มสุรากัน
ตอนพวกลู่เยี่ยนมาถึงย่านหนานฉวี่ในผิงคังฟางท้องฟ้ายังสว่างอยู่ พอเดินเข้าประตูก็เห็นบัณฑิตหนุ่มมากมายกำลังพูดกันอย่างหลงใหลถึงเงาร่างอรชรหลังม่านบัง
ซุนซวี่เป็นแขกประจำของที่นี่ แม่เล้าเห็นเขามาแล้วก็เบียดออกมาจากกลุ่มคนแล้วเดินเข้ามาทักทายทันที
“นายท่านทั้งหลายมาแล้วหรือ”
เสียงนี้ทำให้หญิงสาวชั้นสองพากันหันมองไปทางประตู
ท่ามกลางแผงโคมแดงมีชายหนุ่มผู้หนึ่งดูโดดเด่นเป็นพิเศษในกลุ่มคนหนาแน่น
เขาสวมเสื้อตัวยาวสีฟ้านวล คลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ ผมครอบด้วยเกี้ยวหยก แขวนพู่ห้อยข้างเอว ทั่วร่างฉายความสูงศักดิ์เอาไว้อย่างเห็นได้ชัด
แขกหายากแบบนี้ทำให้หญิงสาวที่ผ่านโลกมามากเหล่านั้นเกิดความสนใจเช่นกัน
สายตาของแม่เล้าแหลมเพียงใด นางเพียงกวาดตามองก็รู้แล้วว่าแขกท่านนี้ไม่ธรรมดา นางแย้มยิ้มงดงามพลางพูดว่า “ขอถามนายท่านทั้งหลาย วันนี้จะนั่งในโถงหรือจัดที่ส่วนตัวเจ้าคะ”
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือถามว่าวันนี้มาชื่นชมเสียงเพลงการร่ายรำหรือมาหาหญิงสาวหลับนอนด้วย
ซุนซวี่ลูบปลายจมูก หากเป็นช่วงปกติส่วนมากเขาจะกอดหญิงงามเข้าสู่ความฝัน แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน อย่างไรเสียใต้เท้าลู่ออกมาดื่มสุรากับพวกเขาเป็นครั้งแรกก็ต้องฟังความต้องการของคนเขาก่อน จึงเอ่ยถามว่า “พี่ลู่อยากนั่งที่ใดหรือ”
ลู่เยี่ยนสีหน้าดังเดิม สายตาจ้องตรงไปที่แม่เล้าแล้วพูดว่า “คณิกาอันดับหนึ่งวันนี้อยู่หรือไม่”
คำพูดนี้ออกมา ดวงตาของผู้ว่าการเจิ้งกับซุนซวี่ก็เบิกโตขึ้นเท่าตัว
พวกเขาสองคนคิดไม่ถึงเลยว่าซื่อจื่อที่สูงศักดิ์ผู้นี้เป็นคนที่รู้จักหาความสำราญ
คณิกาอันดับหนึ่งของหอเวินเซียงมีนามว่าอวิ๋นจือ ไม่เพียงแต่งกลอนได้ดี การร่ายรำยังเรียกได้ว่าเป็นเลิศ ในเมืองลือกันว่าหากได้ดื่มสุราในอ้อมกอดของนาง ไม่มีชายใดที่สามารถควบคุมตนเองได้เลย
พอได้ยินลู่เยี่ยนเลือกอวิ๋นจือ แม่เล้ามีสีหน้ายินดี คิดว่าเขามาเพราะชื่อเสียง จึงรีบพูดกับสาวใช้รุ่นเล็กคนหนึ่ง “ไปเรียกอวิ๋นจือลงมา บอกว่ามีแขกทรงเกียรติ”
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในเรือนเล็ก เพิ่งนั่งลง เหล่าสาวใช้ก็ยกอุปกรณ์ดื่มสุราที่ประณีตงดงามรวมทั้งกับแกล้มหลากหลายชนิดมาให้
เสียงบรรเลงพิณผีผาผ่านไปช่วงหนึ่งก็เห็นสาวงามอรชรหลายนางพลิกเปิดม่านไม้ไผ่ เดินนวยนาดเข้ามาช้าๆ
หลังจากพวกนางนั่งลง พวกเขาก็เริ่มการละเล่นวงสุรา
หญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนชำนาญเรื่องการสร้างความรื่นรมย์ยามราตรี ไม่เพียงช่างพูดฉอเลาะ ยังมีอารมณ์ขัน มักจะพูดคำแฝงความหมายล่อแหลม ทำให้ภายในห้องเกิดความครึกครื้นขึ้นมาทันที
ภายในห้องแสงเทียนสีแดงพลิ้วไหว อวิ๋นจือมองดูชายหนุ่มที่มีสีหน้างามสง่าข้างกาย ในใจแอบชื่นชอบ จึงเป็นฝ่ายรุกเพิ่มขึ้นหลายส่วน
นางขยับเข้าใกล้ข้างกายเขา ตั้งใจพ่นลมพูดข้างหูของเขา “ถ้านายท่านไม่ชอบเล่นสิ่งเหล่านี้ เช่นนั้นข้าจะร่ายรำให้ท่านดูดีหรือไม่”
ตามหลักหากได้ยินคำพูดนี้แล้ว ต่อให้เป็นต้นไม้เหล็กแก่ก็ยังออกดอกได้ แต่ใต้เท้าลู่ผู้นี้ติ่งหูไม่แดงแม้แต่น้อย