บรรยากาศในห้องโถงตั้งศพทำให้เลี่ยวจิ้งชูรู้สึกเศร้าอาดูร ทว่าจะอย่างไรนางก็ไม่เคยเจอต่งอ้ายมาก่อน อยู่ดีๆ บอกให้นางร้องไห้ นางไม่ใช่คนปรับเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกได้ไวเช่นนั้น
“ทุกคนต่างรอท่านอยู่ หรือไม่ท่านก็หลับตาส่งเสียงโหยไห้ออกมา” เห็นนางนิ่งเฉยไม่มีท่าที ฝูหรงก็ออกจะร้อนใจ “ไม่ว่าอย่างไร ย่อมต้องแสดงท่าทีออกมา”
ลอบกวาดสายตามองไปรอบด้าน ไม่ผิดจากที่คิด ทุกคนต่างมองมาทางด้านนี้ รวมถึงภิกษุที่สวดมนต์อยู่ นางกะพริบตา…กะพริบแล้วกะพริบอีก หยาดน้ำตาราวกับเล่นซ่อนหา ยังคงไร้เงาไร้ร่องรอย
ในห้องโถงตั้งศพเงียบสงัด ถ้ามีเข็มตกคงได้ยิน
“เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายหญิงตราตั้ง ข่มกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้ก็หาได้ยากแล้ว! ไหนเลยจะร้องไห้ออกมาได้”
มีเสียงหัวเราะพรืดออกมา พานหมิ่นหัวเราะเยาะหยันขึ้นมาก่อนใคร ในโถงด้านในวุ่นวายขึ้นมาทันที
“พูดได้ไม่ผิด” ต่งซูเอ่ยเสริมขึ้น “พี่ใหญ่ยกทัพออกสนามรบ แสดงความจงรักภักดีต่อบ้านเมือง พี่สะใภ้ใหญ่เพียงได้รับแต่งตั้งเป็นนายหญิงตราตั้งขั้นห้า นางมาถึงก็ได้เป็นขั้นสี่ ย่อมอิ่มอกอิ่มใจ”
“ฮึ! เสแสร้งจอมปลอม!”
“ถ้าไม่ใช่คุณชายสี่ถูกนางทำให้โกรธ ไหนเลยจะจากไปเร็วเช่นนี้ นางกลับดีเลย แค่กระโดดทะเลสาบทีเดียวก็ได้เป็นนายหญิงตราตั้งแล้ว!”
“นั่นเรียกความสามารถ เจ้าเก่งจริงก็กระโดดลงไปสิ ดูว่าจะบังเอิญเช่นนั้นหรือไม่ ถึงกับถูกคุณชายเจียงอุ้มกลับมา ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นนายหญิงตราตั้ง”
“สะใภ้สี่รีบร้องไห้เถิดเจ้าค่ะ!” ฝูหรงร้อนใจจนใบหน้าแดงฉาน “ท่านร้องนำ หญิงสูงวัยที่คอยร้องตามก็จะส่งเสียงโหยไห้ขึ้นมา ไม่ว่าเสียงอะไรก็กลบไปหมด”
มองฝูหรงที่ท่าทางแทบอยากร้องไห้แทน เลี่ยวจิ้งชูพลันนึกถึงตนเองเมื่อชาติก่อน
‘เขาผู้นั้น’ ก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ ขอเพียงเป็นเรื่องของนาง เขายังร้อนใจยิ่งกว่า อยู่คณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยสี่ปี เขายืนอยู่ข้างหลังเลี่ยวจิ้งชูมาโดยตลอด ปล่อยให้นางข่มเหงรังแก ตัวเขาเองเอาแต่ยิ้มให้นางอย่างอบอุ่น นุ่มนวลอ่อนโยน ให้อภัยในความเอาแต่ใจและความดื้อรั้นของนาง ทั้งคู่เพียงกินอาหารข้างทางอย่างเรียบง่าย จับจูงมือกันเดินเล่น ในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของความเบิกบานสบายอกสบายใจ
เรื่องราวในอดีตไหลบ่าเข้ามาในใจดุจกระแสน้ำ
นั่นเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ ในงานฉลองสำเร็จการศึกษานางที่ดื่มอย่างสนุกสนานเต็มที่ได้รบเร้าเขาจะไปดูดาว เขาโอนอ่อนผ่อนตามนางเช่นที่เคยเป็นมา ทางหนึ่งฟังนางพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ทางหนึ่งก็พานางขึ้นภูเขาหยางติ่ง มีเสียงคำรามกึกก้องสั่นสะเทือนจนหูแทบหนวกดังขึ้น นั่นเป็นโคลนถล่มตามคำเล่าลือ เขาเม้มปากแน่น พยายามผลักนางออกจากโคลน นางกลับกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยมือ ชั่วขณะนั้นนางเห็นอย่างชัดเจนว่าในดวงตาที่สิ้นหวังของเขาเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้ง คล้ายยังมีรอยยิ้มจางๆ เจืออยู่ด้วย นางรู้สึกได้ชัดเจนถึงชีวิตที่ค่อยๆ หลุดลอยไปทีละน้อยๆ ท่ามกลางเสียงแผดคำราม
นางมาอยู่ที่นี่ เขาเล่าอยู่ที่ไหน จะคิดถึงนางแบบเดียวกันนี้หรือไม่ ทั้งสองเคยสัญญากันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันทุกภพทุกชาติไป ชาตินี้…เขาจะมาหานางหรือไม่
ความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อชาติก่อน เงาร่างของเขาผุดขึ้นมาตรงหน้าเลี่ยวจิ้งชูอย่างชัดเจน หัวใจบีบรัด น้ำตาร่วงเผาะๆ ลงมา