หลิ่วเอ๋อร์ร้องอุทานออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ “สะใภ้สี่ลืมหมดสิ้นทุกสิ่งอย่างเลยหรือ”
ทุกคนต่างมองมาที่เลี่ยวจิ้งชูอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางย่นหัวคิ้วน้อยๆ ในดวงตาที่คล้ายมีหมอกปกคลุมมีประกายใสซื่อขุมหนึ่ง ลักษณะท่าทางเช่นนี้ไม่อาจเสแสร้งออกมาได้เด็ดขาด
ผ่านไปพักใหญ่ สะใภ้ใหญ่โบกมือแล้วบอก “ดูข้าสิ มัวแต่ห่วงพูดคุย ถึงกับลืมยาของเจ้าไปเลย น้องสาว เจ้ากระทบถูกความเย็นมากเกินไป ดื่มยาก็หายแล้ว อีกประเดี๋ยวยาก็จะเย็นไป” แล้วหันไปทางหลิ่วเอ๋อร์ “ยังจะยืนโง่งมอยู่อีก ไม่รีบเข้ามาปรนนิบัติรึ!”
หลิ่วเอ๋อร์ตัวสั่น มองไปที่จางหมัวมัวตามสัญชาตญาณ
“ยาเย็นไปนานแล้วเจ้าค่ะ” จางหมัวมัวรีบบอก “สะใภ้สี่ร่างกายล้ำค่า ไม่อาจดื่มยาที่เย็นแล้วได้” แล้วหันไปทางหลิ่วเอ๋อร์ “ยังไม่รีบไปอุ่นให้ร้อนอีกหรือ”
หลิ่วเอ๋อร์รับคำแล้วเดินไปทางประตู
“เอามานี่ ข้าจะชิมดู”
เสียงไม่ดังแต่กลับมีพลังกดข่มคุกคาม ในหูจางหมัวมัวมีเสียงอึงอล ถ้าให้สะใภ้ใหญ่ชิมยานี้จริง แล้วสะใภ้สี่ดื่มเข้าไป นางยังจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ
จางหมัวมัวถลึงตาดุดันใส่หลิ่วเอ๋อร์ทีหนึ่ง พยายามสงบอกสงบใจ ยิ้มเจื่อนแล้วบอก “เรื่องนี้ทำไม่ได้เด็ดขาด สะใภ้ใหญ่ร่างกายล้ำค่า จะลองชิมยาด้วยตนเองได้อย่างไร”
“มีอะไรทำไม่ได้ ยกมา!” สะใภ้ใหญ่ดึงมือเลี่ยวจิ้งชู “เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ หัวใจของข้าก็แหลกสลายแล้ว ข้าชีวิตอาภัพ จะอย่างไรก็ยังได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคุณชายใหญ่อยู่สองปี” พูดแล้วสะใภ้ใหญ่ก็เช็ดดวงตา ผ่านไปพักใหญ่ก็เปลี่ยนเรื่องพูด “น้องสาวไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปเชิญหมอหลวงสวีมาตรวจอาการเจ้า เขาได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา จะต้องรักษาเจ้าให้หายได้แน่นอน” จากนั้นก็หันไปทางหลิ่วเอ๋อร์ “ยังไม่รีบยกมาอีก!”
“สะใภ้ใหญ่ร่างกายล้ำค่า เรื่องชิมยาเช่นนี้ทำไม่ได้เป็นอันขาด” จางหมัวมัวกัดฟันทำใจดีสู้เสือ “ให้นายหญิงใหญ่รู้เข้าจะต้องถลกหนังบ่าวแน่นอน สะใภ้ใหญ่โปรดเข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของบ่าวด้วย”
“ที่จางหมัวมัวพูดก็ถูก” สะใภ้ใหญ่ผงกศีรษะน้อยๆ หันไปทางอิ๋งชุนสาวใช้รุ่นใหญ่ “เจ้าไปลองชิมดู ถ้ายังไม่เย็นก็ถูไถดื่มไปเสีย ยกออกไปไม่รู้ต้องเสียเวลาอีกนานเท่าไร”
ได้ยินอิ๋งชุนขานรับเสียงใส จางหมัวมัวก็เหงื่อไหลรินออกมาทันที สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
อุ่นยาชามหนึ่งจะเสียเวลาสักเท่าไรกันเชียว จะอย่างไรจางหมัวมัวก็เป็นคนโปรดของนายหญิงใหญ่ สะใภ้ใหญ่ที่แต่ไรมานุ่มนวลละมุนละไมเข้าได้กับทุกฝ่ายถึงกับไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย นางพลันตระหนักรู้ขึ้นมาในฉับพลัน คิดว่าสะใภ้ใหญ่คงรู้อยู่ก่อนแล้วว่ายามีปัญหา ตอนแรกที่ขวางไว้ด้วยคิดจะให้สะใภ้สี่โวยวายขึ้นมา พอเห็นว่าอีกฝ่ายสูญเสียความทรงจำจึงเปลี่ยนความคิด
หัวใจของเลี่ยวจิ้งชูก็เต้นตึกตักขึ้นมาเช่นกัน เดิมทีเข้าใจว่านางประกาศออกไปว่าตนสูญเสียความทรงจำต่อหน้าผู้คนที่จ้องมองอยู่ หลิ่วเอ๋อร์ก็จะผลักเรือตามน้ำยกยาออกไป เช่นนี้ก็หลบพ้นภัยในครั้งนี้ไปได้แล้ว คิดไม่ถึงว่ากลับมาเจอคนที่มีน้ำใจเร่าร้อน กลัวร่างกายของนางจะทนทรมานไม่ไหว ยืนกรานจะให้นางดื่มยาลงไป หลิ่วเอ๋อร์กับจางหมัวมัวคนชั่วที่โง่งมทั้งสองคน ตอนนี้ค่อยจะมาคิดทำลายของกลาง ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่ตั้งนาน!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกระตือรือร้นของสะใภ้ใหญ่และการไม่รู้จะรับมืออย่างไรของจางหมัวมัว กับหลิ่วเอ๋อร์ เลี่ยวจิ้งชูก็ลังเลใจขึ้นมา
ไม่รู้สะใภ้ใหญ่ที่มีจิตใจเร่าร้อนผู้นี้มีฐานะเช่นไรในจวนและมีความสัมพันธ์เช่นไรกับนายหญิงใหญ่
เรื่องที่นางคาดเดาออกว่าในยามีพิษ จะนำมาซึ่งหายนะแก่ตนมากขึ้นหรือไม่
ขณะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันอยู่นั้น สาวใช้ก็เข้ามารายงาน “นายหญิงใหญ่กับท่านน้าหลวนมาแล้วเจ้าค่ะ”