หลวนอวิ๋นชูพอจะคาดเดาได้เลาๆ ถึงความลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่นายหญิงใหญ่จะวางยานางได้แล้ว นางเชื่อว่าจะอย่างไรนายหญิงใหญ่ก็เป็นป้าแท้ๆ ของตนเอง ขอเพียงนางทำเป็นหูหนวกตาบอด นายหญิงใหญ่ก็จะไม่ทำอะไรนางอีก
“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ตัวเจ้าเองก็…ยังจะมาปลอบข้าอีก”
ความรู้สึกสบายแผ่กระจายมาจากต้นคอ ทำให้ใบหน้าที่เคร่งขรึมของนายหญิงใหญ่ดูอ่อนโยนมีเมตตาขึ้นมาก นึกถึงว่าหลวนอวิ๋นชูอายุยังน้อยก็ต้องเป็นแม่ม่ายแล้ว นับแต่นี้จะต้องใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงาเดียวดาย อ้างว้างเอกากับโคมดำ ไปอีกหลายสิบปี ในใจก็เกิดความสงสารขึ้นมาจางๆ จึงพูดอย่างมีเมตตา
“เด็กที่ดีเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีโชคชะตาที่อาภัพเหมือนกับข้า”
นายหญิงใหญ่พูดแล้วน้ำตาก็ไหลริน บรรยากาศดูเศร้ารันทดขึ้นมาหลายส่วน สี่จู๋รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ “นายหญิงใหญ่ปล่อยวางบ้างเถิดเจ้าค่ะ สะใภ้สี่พูดถูก ทุกข์เพียงใด เราก็ต้องใช้ชีวิตกันต่อไป”
รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอาดูรที่คนผมขาวต้องมาส่งคนผมดำ นิ้วมือของหลวนอวิ๋นชูสั่นเทา จึงหยุดมือรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้นายหญิงใหญ่
“ท่านป้าเป็นห่วงสะใภ้จะลำบาก จึงมอบสี่หลันสี่จวี๋ที่อยู่กับท่านมาหลายปีให้กับสะใภ้ มีท่านให้ความรักและเอ็นดูเช่นนี้ สะใภ้…ก็ไม่นับว่า…อาภัพแล้ว”
มีประกายผุดวาบขึ้นมาในส่วนลึกของดวงตานายหญิงใหญ่ นางปรายตาเพ่งพิศหลวนอวิ๋นชู
แสงแดดส่องผ่านช่องหน้าต่างที่กรุด้วยกระดาษสีเหลืองขมิ้นเข้ามา ส่องกระทบชุดไว้ทุกข์สีขาวของหลวนอวิ๋นชู เกิดเป็นประกายสีทองวาวระยับ เพิ่มความอ่อนโยนบนใบหน้าผ่ายผอมของนางขึ้นมาหลายส่วน ทันใดนั้นภาพมารดาที่มีเมตตาลูกที่มีความกตัญญูก็ผุดขึ้นมาตรงหน้า โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนายหญิงใหญ่ก็จิตใจสงบลง
“เด็กดี ลำบากเจ้าแล้ว พวกนางปรนนิบัติรับใช้ดีหรือไม่ ถ้าไม่ถูกใจเจ้าก็บอกมาได้เลย ไม่ต้องมองสีหน้าข้า”
ข้างกายมีสาวใช้จอมประจบประแจงสองคนคอยควบคุมอยู่ทุกวัน จะบอกว่าดีก็แปลกแล้ว!
นิ้วมือนวดคลึงจุดไท่หยางให้นายหญิงใหญ่เบาๆ หลวนอวิ๋นชูพูดเสียงเบา
“ละเอียดรอบคอบกว่าฝูหรงมากเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่เห็นแล้วยังอิจฉา เอาแต่บอกท่านลำเอียง”
“ปากของเจ้านี่ช่าง…” นายหญิงใหญ่เอนพิงหมอนอิงใบใหญ่อย่างสบายใจ “อืม ได้เจ้ามาช่วยนวด สบายขึ้นมากแล้ว สองวันนี้นอนไม่ค่อยหลับ เหมือนหัวจะแตกร้าว”
หลวนอวิ๋นชูคลี่ยิ้มมุมปากจางๆ ไม่ผิดจากที่คิด นับว่าไม่เหนื่อยเปล่า ผู้ใหญ่ชอบใจแล้ว วันเวลาของนางก็จะผ่านไปอย่างสุขสบาย นิ้วมือขยับไปที่จุดไป่ฮุ่ย
“ท่านป้าใช้สมองหนักเกินไปแล้ว”
นายหญิงใหญ่หลับตาลงอย่างสบายใจ “หรือมิใช่ ตั้งแต่อาการป่วยของอ้ายเอ๋อร์หนักขึ้น ข้าก็ไม่เคยได้หลับสนิทตลอดทั้งคืน” เสียงค่อยๆ เบาลง “ไม่เคยรู้เลยว่าอวิ๋นชูมีฝีมือการนวดเช่นนี้ ไปหัดมาตั้งแต่เมื่อไร”
นิ้วมือพลันชะงักค้าง มัวแต่คิดจะผูกไมตรีจนถึงกับลืมไป นายหญิงใหญ่รู้จักอดีตของนางมากกว่าตัวนางเอง คำโกหกนี้จะพูดอย่างไรจึงจะสมเหตุสมผล