เห็นฝูหรงกับซิ่วเอ๋อร์ตามมาด้วย ลุงใบ้ยังคงขวางอยู่ตรงนั้น ลังเลอยู่ชั่วขณะ ชายตามองสีหน้าเยียบเย็นของหลวนอวิ๋นชูที่ไม่ยอมให้มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น เขาจึงไม่ได้คัดค้าน หมุนตัวเดินนำเข้าไป
ทอดสายตามองไป หลวนอวิ๋นชูอดตะลึงงันไปไม่ได้ สวนดอกไม้ของคนทั่วไปล้วนตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดตามความสูงต่ำของต้นไม้และเป็นรูปทรงตามที่กำหนด ปลูกดอกไม้สดพันธุ์ต่างๆ
ทว่าที่นี่กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเนินเขาเล็กๆ มองไม่ออกว่ามีร่องรอยของการตัดแต่งดูแลแม้แต่น้อย เพียงสร้างกำแพงสีแดงซึ่งสันกำแพงคลุมด้วยกระเบื้องสีเขียวอมดำโอบล้อมไปตามแนวเขา ทั้งสี่ด้านปลูกต้นไม้นานาชนิดไว้เต็มไปหมด บ้างก็มีพุ่มไม้เตี้ยปลูกแทรกอยู่ บ้างก็มีดอกไม้ดอกเล็กแซมประดับเป็นระยะ พื้นที่บริเวณตรงกลางค่อนข้างเรียบเสมอกัน มีหญ้าต่างๆ ขึ้นเต็ม แม้จะเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ทางใต้ก็อบอุ่น ในสวนจึงแลเขียวขจี
ในอากาศมีกลิ่นหอมเย็นจางๆ ขุมหนึ่งอบอวลอยู่ ภายในสวนมีทางเล็กคดเคี้ยววกวนตัดสลับกันไปมาหลายเส้น แบ่งเนินเขาออกเป็นหลายส่วน แต่กลับไม่มีรูปทรงตามที่กำหนด คล้ายหุบเขาที่ลึกและเงียบสงบเป็นธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยการตกแต่งสลักเสลาด้วยฝีมือมนุษย์แม้แต่น้อย
“จริงด้วย! มีดอกไม้แปลกหญ้าประหลาดมากมายเพียงนี้” ฝูหรงยืนอยู่หน้าพรรณไม้สูงราวครึ่งฉื่อผืนหนึ่ง “สะใภ้สี่ ท่านดูนี่สิเจ้าคะ มันคือดอกอะไร บ่าวไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
ลุงใบ้ก็หยุดฝีเท้า มองพืชเหล่านั้นแวบหนึ่ง ไม่มีท่าทีจะอธิบาย เพียงยืนอยู่ด้านข้างรอชมเรื่องสนุก เผยสีหน้าดูหมิ่นดูแคลนออกมา
“ข้าก็ไม่รู้จัก” ซิ่วเอ๋อร์ขยับขึ้นมาข้างหน้า “ไม่เพียงต้นนี้ ดอกไม้ ต้นหญ้ามากมายในนี้ ข้าก็ล้วนไม่รู้จักชื่อ” หันไปยิ้มซุกซนให้ลุงใบ้ “ข้าเคยถามลุงใบ้ ลุงใบ้กลับไม่เคยยอมบอก”
“ต้นนี้เรียกว่าจู๋เชียนเฉ่า ไม่นับว่าเป็นดอกไม้ เดิมเป็นพืชที่เกิดและเติบโตอยู่ทางภาคเหนือ พวกเจ้าไม่เคยไปภาคเหนือ ย่อมไม่รู้จัก” หลวนอวิ๋นชูลูบไล้ใบที่มีรูปทรงเกือบเป็นทรงกลมเบาๆ บอกอย่างใจเย็น “พวกเจ้าดู พืชชนิดนี้คล้ายฐานรองเทียน รอถึงเดือนสี่เดือนห้าออกดอก ก็จะพบว่าดอกของมันคล้ายมีเทียนสีม่วงเล่มหนึ่งปักอยู่บนฐานรอง ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าจู๋เชียนเฉ่า บางแห่งก็เรียกว่าฝอจั้วเฉ่า”
ซิ่วเอ๋อร์หันไปมองลุงใบ้ “ใช่หรือไม่ ลุงใบ้”
ลุงใบ้ผงกศีรษะด้วยท่าทางประหลาดใจ หลวนอวิ๋นชูกล่าวต่อ
“พวกเจ้าอย่าดูเบาหญ้าชนิดนี้ ประโยชน์ของมันมีมากทีเดียว…จู๋เชียนเฉ่ามีรสขมฤทธิ์อุ่นไม่เพียงสามารถบำรุงกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก แก้ร้อนในขับความชื้น ขจัดพิษลดอาการบวม ยังรักษาอาการเจ็บปวดจากบาดแผลฟกช้ำ และลดอาการเจ็บปวดจากการต่อกระดูกได้อีกด้วย เป็นยารักษาที่รู้จักกันดีทางภาคเหนือ พืชจากทางเหนือสามารถอยู่รอดได้ในภาคใต้ ทั้งยังเจริญเติบโตได้ดีเพียงนี้ ลุงใบ้ฝีมือดียิ่งนัก!”
ไม่ลืมกล่าวชมสักหลายคำ หลวนอวิ๋นชูมองตาลุงใบ้พลางยิ้มน้อยๆ
พูดมามากมายเพียงนี้ไม่ใช่เพื่อต้องการโอ้อวด จุดประสงค์ของหลวนอวิ๋นชูอยู่ที่โยนหินถามทางต่างหาก
พอเข้าประตูมานางก็พบว่าที่บอกที่นี่เป็นสวนดอกไม้ เกรงว่าเพียงเพื่อปิดหูปิดตาผู้คน ถ้าจะพูดตามตรงสถานที่แห่งนี้ควรเรียกว่าสวนสมุนไพรจะเหมาะสมกว่า พืชสมุนไพรที่มีอยู่เต็มสวนไม่อาจปิดบังนางที่จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ผู้มาจากโลกในยุคปัจจุบันได้
เพียงแต่นางไม่เข้าใจ ปลูกสวนสมุนไพรเป็นเรื่องปกติธรรมดายิ่ง เพราะเหตุใดต่งกั๋วกงกับต่งอ้ายต้องสิ้นเปลืองสติปัญญามาปิดบังด้วย
เพียงเพราะการแพทย์ในแคว้นหลวนเป็นอาชีพชั้นต่ำทั้งเก้า กลัวคนจะหัวเราะเยาะหรือ
เรื่องต้องไม่เรียบง่ายเช่นนี้แน่!