หลวนอวิ๋นชูเพิ่งเป็นม่าย ชายไร้คู่ครองกับหญิงม่ายเจอกันซึ่งหน้าไม่หลบไม่เลี่ยง หากนายหญิงใหญ่รู้เข้า ยังไม่ใช่จะถลกหนังนางหรือ คิดถึงเรื่องเหล่านี้สี่จวี๋จึงทำใจกล้าตวาดขึ้น คิดจะใช้วิธีนี้มาตวาดเติงถูจื่อ ใจกล้าผู้นี้ให้ถอยไป เวลานี้มาได้ยินว่าเขาเป็นบัณฑิตจ้วงหยวนที่มีชื่อเสียง สี่จวี๋แทบอยากจะกัดลิ้นตนเองให้ขาด ได้แต่มองลู่เซวียนปากอ้าตาค้าง
ลู่เซวียนมองสี่จวี๋ด้วยความโกรธ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา เห็นหลวนอวิ๋นชูใบหน้าผ่ายผอม ริ้วแดงที่สองข้างแก้มยังไม่เลือนหาย สวมชุดสีขาวไว้ทุกข์ ดูอ่อนแอบอบบางเสียจนทำให้คนเห็นแล้วปวดใจ แววตาพลันหม่นขรึมลงอย่างไม่รู้ตัว
เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน เหตุการณ์บนโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขากับนางไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้อีก
วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ไม่อาจเรียกชื่อนางเหมือนแต่ก่อนได้อีก ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ วันนี้ถ้าเขาโกรธขึ้นมาจริง สาวใช้ไร้มารยาทผู้นี้ต้องถูกลงโทษ หลวนอวิ๋นชูมีหรือจะรอดพ้น นางที่เพิ่งเป็นม่ายจะเผชิญหน้ากับคำติฉินนินทาที่ตามมาอย่างไร
กลืนคำพูดโกรธโมโหที่มาถึงริมฝีปากกลับลงไป ลู่เซวียนประสานมือ หันไปทำความเคารพหลวนอวิ๋นชูอย่างนอบน้อม กล่าวด้วยน้ำเสียงฝืดฝืน
“ต่ง…ฟูเหรินโปรดอย่าตำหนิ ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”
เห็นลู่เซวียนเปลี่ยนมาเรียกนางว่า ‘ต่งฟูเหริน’ ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ หลวนอวิ๋นชูรู้สึกห่อเหี่ยว จะอย่างไรเขาก็เป็นคนในสมัยโบราณที่ถูกจารีตประเพณีผูกมัดอยู่
หลวนอวิ๋นชูยอบตัวเล็กน้อยเป็นการคารวะตอบ แล้วเกาะแขนฝูหรงเดินผ่านเขาไปช้าๆ
ลู่เซวียนเผลอตัวยื่นมือออกมา จากนั้นก็ลดมือลง มองเงาร่างผอมบางหายลับไปตรงสุดปลายถนนอย่างเศร้าสลด…
หลวนอวิ๋นชูมองไปแต่ไกลเห็นสาวใช้และหญิงรับใช้สูงวัยกลุ่มหนึ่งยืนเหลียวซ้ายมองขวาอยู่ที่หน้าประตู บางครั้งบางคราวบ่าวไพร่ของเรือนอื่นก็ชะโงกหน้าชะโงกตามามองเช่นกัน
นางใจสั่นสะท้าน
ไม่ใช่กระมัง ต่งเหรินเพิ่งจะกรอกน้ำในทะเลสาบเข้าไปในสมองไม่กี่คำ ก็มาเอาผิดข้าเร็วเพียงนี้เชียว
ด้วยความคิดแบบเดียวกัน ฝูหรงใบหน้าซีดขาว มือที่ประคองหลวนอวิ๋นชูสั่นน้อยๆ กระตุกแขนนางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ ใช้สายตาแสดงเจตนาให้มองไปข้างหน้า
หลวนอวิ๋นชูลอบถอนหายใจ นางหนูผู้นี้อะไรก็ดี มีความจงรักภักดีอย่างมาก เสียแต่ขี้ขลาดตาขาว เรื่องเล็กเท่ารูเข็มก็แบกรับไม่ไหวเสียแล้ว นางหันไปส่งสายตาบอกฝูหรงให้วางใจพลางเหยียดหัวไหล่ขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน
หากยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้าย ก็ไม่อาจลนลานเสียความสุขุมเยือกเย็นไปก่อน
“สะใภ้สี่ท่านดู ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว” พบว่าที่หน้าประตูเรือนลู่ย่วนมีความผิดปกติ สี่จวี๋ก็สีหน้าเปลี่ยนไป “หรือไม่บ่าวลองไปสอบถามดูก่อน”
หลวนอวิ๋นชูไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า
“สะใภ้สี่กลับมาแล้ว!” สาวใช้รุ่นเล็กตาไวคนหนึ่งร้องขึ้นมาก่อนใคร “รีบไปบอกพี่สี่หลัน”
มีหญิงรับใช้สูงวัยซอยเท้าเข้ามารับหน้า