หลวนอวิ๋นชูเอนร่างพิงหมอนอิงใบใหญ่อีกครั้ง หลับตาลง ต่งเหรินไม่เปิดโปงนางกับฝูหรงก็ดีแล้ว เรื่องนี้ก็นับว่าผ่านไปได้ ล้างแค้นกันไปคนละที นางกับต่งเหรินต่างตกน้ำคนละครั้ง นับแต่นี้เสมอกันแล้ว…
“หรือไม่…ก็อ้างเรื่องของซิ่วเอ๋อร์ที่ไม่เป็นมงคล เพียงเท่านี้ท่านก็ไม่ต้องไปแล้ว”
เพียงอาศัยเรื่องที่พานหมิ่นชอบหาเรื่องหาราวไปเสียทุกอย่าง อย่าว่าแต่หลวนอวิ๋นชูจะเอือมระอา ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเอาหน้าร้อนของตนไปแนบก้นเย็นๆ ของผู้อื่น* สี่จวี๋เองก็คิดเช่นนั้น แต่หลังจากต่งอ้ายไม่อยู่แล้ว ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าต่งเหรินจะได้รับความโปรดปรานจากนายท่านและนายหญิงใหญ่เป็นเท่าทวี เรืองอำนาจขึ้นมา หลวนอวิ๋นชูดีเลวอย่างไรก็สมควรต้องไปเยี่ยมอาการพูดจาไพเราะน่าฟังสักหน่อย แต่เห็นนางคล้ายจะหลับแล้ว สี่จวี๋จึงลองพูดหยั่งเชิงดู
เห็นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สี่จวี๋ก็เดินเบาๆ เอาผ้ามาห่มให้นางผืนหนึ่ง
“เจ้าไปจัดเตรียมของบำรุงกับยา แล้วพาสาวใช้รุ่นเล็กสองคนไปเยี่ยมคุณชายสาม อืม…” สี่จวี๋กำลังจะออกไปก็ได้ยินเสียงหลวนอวิ๋นชูดังมาไกลๆ “ไปแล้วเจ้าก็บอกกับสะใภ้สามไปตรงๆ บอกข้าไว้ทุกข์อยู่ เรือนลู่ย่วนก็มีสาวใช้ตายไป ร่างกายมีกลิ่นอายความอัปมงคลอยู่มาก ไม่สะดวกจะไปที่เรือนของนาง”
“นี่…”
นี่มิใช่เสื่อมเสียศักดิ์ศรีเกินไปแล้วหรือ
หลวนอวิ๋นชูยอมให้นางไปเรือนชิ่นย่วนได้ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดียิ่งแล้ว อย่าได้มีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมาเป็นอันขาด ลังเลอยู่ชั่วขณะสี่จวี๋ก็รับคำด้วยความเบิกบานใจ “บ่าวจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้” เกือบจะถึงหน้าประตูก็หันหน้ากลับมาอีก “จริงสิเจ้าคะ ตอนคุณชายสี่ป่วยอยู่ ได้รับของบำรุงมากมาย ล้วนแต่เป็นของดีเยี่ยม ท่านว่า…”
เวลานี้ต่งเหรินค่าตัวสูงขึ้นเป็นเท่าทวี ในเมื่อหลวนอวิ๋นชูไม่ได้ไปด้วยตนเอง ตามธรรมเนียมปฏิบัติของขวัญย่อมสมควรมีค่าสักหน่อย
“ไม่ต้องโดดเด่นกว่าคนอื่น” หลวนอวิ๋นชูยังคงหลับตา เสียงคล้ายลอยมาจากที่ไกลโพ้น “เจ้าดูตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยทำมา จัดเตรียมไปตามนั้นก็แล้วกัน”
“สี่จวี๋ไปไหนแล้วเจ้าคะ”
ฝูหรงถือน้ำชาผลักประตูเข้ามา เงยหน้าขึ้นไม่เห็นสี่จวี๋จึงเอ่ยถาม พอไม่ได้ยินเสียงตอบถึงได้พบว่าหลวนอวิ๋นชูเหมือนจะหลับไปแล้ว นางวางกาน้ำชาลงเบาๆ เดินเข้าไปจัดๆ ผ้าห่ม หยิบเข็มกับด้ายที่วางอยู่ด้านข้างนั่งลงที่ข้างเตียง เสื้อผ้าเสียดสีกันดังสวบสาบเบาๆ
“เรื่องที่ทะเลสาบลั่วเยี่ยน คุณชายสามไม่ได้เอ่ยถึงพวกเรา”
มีเสียงดังเคร้ง งานปักเย็บในมือร่วงลงไปที่พื้น ใบหน้าของฝูหรงเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที มองไปที่หลวนอวิ๋นชูอย่างตื่นตะลึง
“สวรรค์! สะใภ้สี่ท่านไม่ได้หลับหรอกหรือ บ่าวตกใจแทบตายแล้ว”
“ดูเจ้าสิ ขวัญอ่อนเสียจริง” ได้ยินเสียงดังหลวนอวิ๋นชูจึงลืมตาขึ้นมา “เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็เก็บอาการไม่อยู่ ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกตนเองทำให้ตกใจตาย”