“เป็นเรือนชิ่นย่วนเจ้าค่ะ” จางหมัวมัวที่หามเกี้ยวยื่นหน้ามาตอบ “ท่านก็ไม่ต้องแปลกใจไป อิสตรีในเรือนคุณชายสามมีมาก ทุกวันล้วนเป็นเช่นนี้ แรกๆ ยังมีคนไปชมเรื่องสนุก ช่วยไกล่เกลี่ยสองคำ ต่อมาชินแล้วก็เพียงทำเป็นไม่ได้ยิน”
“สะใภ้สี่จำไม่ได้แล้วหรือ” ฝูหรงกล่าวยิ้มๆ “เมื่อก่อนท่านยังพูดเล่นบอกถ้าวันใดเรือนชิ่นย่วนเงียบเหงา นั่นจึงจะแปลกประหลาด”
มิน่าพานหมิ่นจึงพูดจาคารมคมคาย ไม่ว่าสถานการณ์เช่นใดก็ไม่กลัว ที่แท้เป็นเพราะผ่านศึกสงครามมามาก ผ่านการหล่อหลอมเคี่ยวกรำออกมา ฟังคำพูดนี้แล้ว หลวนอวิ๋นชูก็ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นอีก
“เหตุใดจึงเดินมาทางนี้”
“นี่เป็นเส้นทางใกล้ที่สุด” จางหมัวมัวชี้ไปข้างหน้า “ผ่านเรือนชิ่นย่วนไป เดินไปทางเหนืออีกหนึ่งเค่อก็ถึงแล้ว”
หลวนอวิ๋นชูผงกศีรษะ ทำท่าบอกฝูหรงให้ปล่อยม่านลง
“นั่นไม่ใช่สี่จวี๋หรือ จะรอหรือไม่”
กำลังจะยกเกี้ยวขึ้นก็เห็นสี่จวี๋พาสาวใช้รุ่นเล็กสองคนเดินมาทางด้านนี้อยู่ไกลๆ ฝูหรงจึงเอ่ยปากถาม
หลวนอวิ๋นชูเองก็เห็นสี่จวี๋แล้ว เดิมไม่คิดจะสนใจ พอเห็นฝูหรงถามนางจึงพยักหน้า
เมื่อเห็นหลวนอวิ๋นชู สี่จวี๋ก็รีบสาวเท้าเดินเข้ามาพลางทำความเคารพ
“คารวะสะใภ้สี่ ท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ”
“สะใภ้สี่จะไปเรือนจัดการงาน”
ได้ยินคำพูดของฝูหรง สี่จวี๋งงงัน กำลังจะซักถามต่อก็ได้ยินหลวนอวิ๋นชูเอ่ยถาม
“เกิดอะไรขึ้น ในเรือนสะใภ้สามคล้ายมีเรื่องอะไร”
“ครั้งนี้สะใภ้สามเอะอะโวยวายไม่เบาเลย” สี่จวี๋หันกลับไปมอง “บ่าวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกหนีออกมาก่อน”
จางหมัวมัวขยับเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คราวนี้ห้องใดมีปัญหาขึ้นมาอีก”
“บ่าวเพียงเล่าให้ฟัง ทุกคนฟังแล้วก็แล้วไป อย่าเอาไปพูดต่อเด็ดขาด” สี่จวี๋กวาดตามองไปรอบด้านแล้วลดเสียงลง “ไม่ทราบสะใภ้สี่ยังจำได้หรือไม่ ช่วงก่อนหน้านี้คุณชายสามรับสตรีจากข้างนอกมาคนหนึ่งชื่อฉู่เชี่ยนอวิ๋น”
“สะใภ้สี่สูญเสียความทรงจำแล้ว ไหนเลยจะจำเรื่องเหล่านี้ได้”
เห็นสี่จวี๋เปิดโปงจุดอ่อน ฝูหรงจึงพูดฉีกหน้า
สี่จวี๋หน้าแดงพลางยิ้มเจื่อน
“แม่นางเชี่ยนอวิ๋นผู้นี้รูปโฉมงามเลิศล้ำไม่พูดถึง หมาก พิณ คัดอักษร วาดภาพยิ่งเชี่ยวชาญทุกอย่าง โดยเฉพาะเสียงไพเราะดุจนกขมิ้น ในเมืองหลวนเฉิงหาไม่เจอคนที่สองอีก เพียงแต่ครอบครัวยากจนข้นแค้นไปสักหน่อย”
หมาก พิณ คัดอักษร วาดภาพเชี่ยวชาญทุกอย่างเช่นนี้ฟังอย่างไรก็ต้องเป็นคุณหนูจากครอบครัวที่มีเงินและอำนาจ จะมาจากครอบครัวยากจนข้นแค้นได้อย่างไร ฟังมาถึงตรงนี้หลวนอวิ๋นชูก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร
“นี่ก็แปลกแล้ว” ฝูหรงมุ่ยปาก “ครอบครัวยากจนข้นแค้นจะอบรมสั่งสอนบุตรสาวออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร”