อยู่ต่อหน้าอี๋ไท่ไท่หลายคน ถ้านางไม่ระบุความผิดหนึ่งสองสามออกมา ต่อไปเจ้าบ้านฝ่ายหญิงเช่นนางยังจะมีอำนาจบารมีอีกหรือ
แม้จะรู้ว่าต่งเหอเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ดึงดันจะบอกว่าเขากับหลวนอวิ๋นชูมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือต่อกันออกจะฝืนความเป็นจริงไปสักหน่อย แต่นายหญิงใหญ่ยังคงทำหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างเยียบเย็น
“ได้ยินหมิ่นเอ๋อร์บอก เคยเห็นเจ้ากับคุณชายเจ็ดจับไม้จับมือกัน มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่”
หลวนอวิ๋นชูงงงัน พลันนึกไปถึงหลายวันก่อนตอนไปหาท่านน้าหลวน ระหว่างทางเดินผ่านสวนเล็กๆ แห่งหนึ่ง บังเอิญเจอต่งเหอน้อยที่เดินพลัดหลงกับแม่นม เห็นเขาปากหวาน ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูจึงบีบแก้มเล็กๆ นุ่มนิ่มของเขาไปทีหนึ่ง ตอนหลังได้ยินเขาบอกว่าปวดท้องจึงพาเขาไปห้องปลดทุกข์ และพบพานหมิ่นเข้าพอดี
หลวนอวิ๋นชูมองพานหมิ่นอย่างเฉยชา อยากจะถีบอีกฝ่ายสักสองที ยังเป็นคนอยู่หรือไม่ ต่งเหอเป็นเด็กน้อยอายุห้าขวบ ยังไม่สูงเลยด้วยซ้ำ นั่นก็เรียกว่าบุรุษหรือ!
เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะจูงสุนัขตัวผู้เดินเล่นในจวน จะถือว่าจับไม้จับมือ มีความสัมพันธ์คลุมเครือไม่ชัดแจ้งหรือไม่
เห็นหลวนอวิ๋นชูมองมา พานหมิ่นพลันยืดอก ถูไม้ถูมือ ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะมีเรื่อง ก่อนหน้านี้เพิ่งจะเสียหน้า ต้องเรียกศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต่งเหอแม้จะยังเด็ก แต่ก็เป็นคุณชายคนหนึ่ง!
นางไม่เชื่อว่าหลวนอวิ๋นชูจะกล้าพูดต่อหน้าทุกคนว่าเขาไม่ใช่บุรุษ
หลวนอวิ๋นชูอดท้อแท้ใจไม่ได้ พูดขึ้นมาแล้วนางก็จับจูงมือกับต่งเหอจริง ถ้าไม่เรียกจับไม้จับมือจะเรียกอะไร
ต่งเหอยังเล็กก็จริง แต่ไม่อาจบอกว่าเขาไม่ใช่บุรุษ
ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวความคิดก็หมุนวนไปมาหลายรอบ รู้ทั้งรู้ว่าพานหมิ่นใส่ร้ายป้ายสีอย่างโจ่งแจ้ง หลวนอวิ๋นชูกลับคิดหาวิธีโต้แย้งไม่ออก ร้อนใจจนมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาทั่วร่าง
“อย่างไรเล่า สะใภ้สี่กล้าพูดว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้?” รอจนทนไม่ไหว พานหมิ่นลงมือตัดกำลังคน จู่โจมด้วยหมัดที่หนัก ปิดกั้นข้ออ้างทั้งหมดที่หลวนอวิ๋นชูจะคิดออกมาได้ “หรือคิดจะบอกว่าคุณชายเจ็ดไม่ใช่บุรุษ”
พานหมิ่นยืดอกเชิดหน้าราวกับไก่ชน ท่าทางเหี้ยมหาญดุดัน ทำให้หลวนอวิ๋นชูนึกขึ้นได้ว่าวันนั้นนางจับชีพจรให้ต่งเหอและเจอพานหมิ่นเข้าพอดี อีกฝ่ายก็ทำสีหน้าท่าทางเช่นนี้ ความคิดผุดวาบขึ้นมา นางพลันคิดหาวิธีได้แล้ว
“ท่านป้าไม่พูด สะใภ้ก็ลืมไปแล้วจริงๆ” หลวนอวิ๋นชูคลายสีหน้าที่โกรธโมโห แสดงท่าทีคล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้ “ท่านป้าอย่าเพิ่งใจร้อน ขอให้สะใภ้ถามอะไรอี๋ไท่ห้าสักสองสามคำถามก่อน” พูดจบไม่รอให้นายหญิงใหญ่รับปากก็มองไปที่จงอี๋ไท่ “คุณชายเจ็ดอยู่ข้างกายท่านมาโดยตลอด ท่านได้สังเกตหรือไม่ เขากินเก่งมาก แต่กลับไม่อ้วน รูปร่างยังเตี้ยกว่าคุณชายหกเสียอีก”
จงอี๋ไท่หรืออี๋ไท่ห้าจงอิ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดคุณชายหกคุณชายเจ็ดฝาแฝดน้อยคู่นี้ นางก็มีความคิดไม่ต่างจากหลวนอวิ๋นชู ต่งเหอเพิ่งอายุห้าขวบ ยังเป็นเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม นายหญิงใหญ่กับพานหมิ่นตั้งกระทู้ถามอย่างฝืนความเป็นจริงเช่นนี้ ชัดเจนว่าไม่มีเรื่องก็หาเรื่อง สร้างความลำบากใจให้กับนาง คิดว่าคงเป็นเพราะต่งกั๋วกงอยู่ที่ห้องนางติดต่อกันถึงสามคืน นายหญิงใหญ่ริษยาแล้ว จึงได้อาศัยเรื่องนี้ระบายโทสะ