ทดลองอ่าน หมอหญิงพลิกธรรมเนียม บทที่ 9-บทที่ 10 – หน้า 8 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หมอหญิงพลิกธรรมเนียม บทที่ 9-บทที่ 10

นายหญิงใหญ่ลืมเรื่องที่หลวนอวิ๋นชูถูกใส่ร้ายป้ายสีในช่วงก่อนหน้านี้ไปแล้ว เพียงอยากจะอบรมอีกฝ่ายสักหลายคำ แต่ติดที่ทุกคนยังอยู่ตรงหน้า ทั้งกลัวจะถูกตราหน้าว่าเป็นมารดาที่ใจร้าย จึงจำต้องล้มเลิกความคิด วางถ้วยชาในมือลง สายตาหันไปทางจงอี๋ไท่

“เหอเอ๋อร์ปวดท้องบ่อย เหตุใดอี๋ไท่ห้าจึงไม่บอกให้รู้แต่แรก หากไม่ใช่อวิ๋นชูเอ่ยขึ้น ข้าก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เรื่องนี้ถ้าปล่อยทิ้งไว้ เกิดมีอันตรายจะทำอย่างไร คนอื่นไม่รู้จะเข้าใจว่าข้าผู้เป็นมารดาไม่ให้รักษา”

เสียงไม่ดังแต่เต็มไปด้วยการตำหนิกล่าวโทษ ประหนึ่งมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาผู้หนึ่ง

ต่งเหอปวดท้องไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาวันสองวัน มีอยู่ครั้งหนึ่งยังถูกสี่หลันไปพบเข้า ครานี้เหตุใดจึงบอกไม่รู้แล้วเล่า ฟังคำพูดนี้แล้วจงอี๋ไท่รู้สึกอึดอัดคับข้องในอก แทบอยากจะเข้าไปฉีกหน้ากากจอมปลอมนี้ออกมา แต่นางถือดีว่าได้รับความโปรดปรานจากต่งกั๋วกง หลายครั้งที่ตามท่านหมอมาก็ไม่เคยรายงานอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้ถูกจับผิดได้จริงฟันขาวจึงขบกันแน่น จงอี๋ไท่กล่าวอย่างนอบน้อม

“ล้วนเป็นผู้น้อยที่ไตร่ตรองไม่รอบคอบ ท่านหมอบอกไม่เป็นไร จึงไม่กล้ามารบกวนท่าน ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง”

“อวิ๋นชูจะอย่างไรก็อายุยังน้อย ทั้งไม่เคยเรียนรู้วิชาการแพทย์ อาจพูดจาไม่ถูกต้องไปบ้าง อาการป่วยของเหอเอ๋อร์ไม่อาจปล่อยทิ้งไว้ ตอนเที่ยงเลิกเรียนแล้ว ก็ให้หมอมาดูหน่อยเถอะ จัดยาให้กินสักหลายเทียบ ไม่ต้องเสียดายเงินทอง ค่ารักษาทั้งหมดเบิกจากบัญชีใหญ่”

น้ำเสียงรักและเมตตาเต็มไปด้วยความห่วงใย จงอี๋ไท่ก้มหน้าอย่างยินยอมคล้อยตามแล้วรับคำ จากนั้นก็ตำหนิตนเองอีกเล็กน้อย ก่อนถอยไปอยู่ด้านข้างเงียบๆ

“แยกย้ายกันไปเถิด ข้าก็ล้าแล้ว”

ในน้ำเสียงเจือความอ่อนล้าอยู่หลายส่วน นายหญิงใหญ่เกาะแขนสี่จู๋ลุกขึ้นยืน…

 

“สะใภ้สี่ โปรดหยุดก่อน”

เดินลงบันไดหินศิลาเขียวลงมา จงอี๋ไท่ยกมือขึ้นบังแสงแดดที่แยงตา หรี่ตาลงพลางเรียกหลวนอวิ๋นชูไว้

“เป็นเรื่องแปลกใหม่จริงๆ” พานหมิ่นที่เดินตามออกมาราวกับกลัวคนอื่นจะไม่ได้ยิน โก่งคอพูดเสียงแหลม “บัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้สูงส่ง ที่แท้อยู่ในห้องหับก็อ่านหนังสือ ‘ชั้นต่ำ’ มานานแล้ว มิน่าเล่า จึงได้แขนเสื้อยาวเชี่ยวชาญการร่ายรำอยู่ในหมู่ปัญญาชน ทำอะไรก็คล่องแคล่วราบรื่นไปเสียทุกอย่าง!”

แพทย์เป็นหนึ่งในเก้าอาชีพชั้นต่ำ พานหมิ่นจงใจเว้นคำว่า ‘เก้า’ ไป เพียงหยิบชั้นต่ำมาสองคำ ในคำพูดนี้จึงมีความขัดหูเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่ง ประหนึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนอันคุกรุ่น จงอี๋ไท่เห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบปิดปาก มองหลวนอวิ๋นชูอย่างขอโทษแวบหนึ่ง แล้วเกาะแขนสาวใช้รีบเดินผละไป

ไม่มีความเดือดดาล หลวนอวิ๋นชูมองพานหมิ่นอย่างเฉยเมย ในใจมีความหดหู่ผิดหวังผุดขึ้นมาเป็นระลอกริ้ว นางชอบวิชาการแพทย์ นี่เป็นความสามารถเพียงอย่างเดียวที่นางมีในโลกแห่งนี้ ทว่าหมอในแคว้นหลวนกลับเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยอาชีพหนึ่ง ถูกมองเป็นเก้าอาชีพชั้นต่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะชีวิตความเป็นอยู่ถูกบีบบังคับก็ไม่มีใครเปลี่ยนมาทำอาชีพหมอ ทั้งนี้บรรพบุรุษจะได้ไม่ถูกดูถูกเหยียดหยาม

วันหน้าเมื่อไปจากจวนกั๋วกงต้องพึ่งพาตนเอง นางควรเป็นหมอดีหรือไม่

ถ้าไม่เป็นหมอนางที่ไม่มีความสามารถอื่นใดจะหาเลี้ยงชีวิตได้อย่างไร

“พี่สะใภ้สามกล่าวผิดแล้ว” ต่งซูขยับเข้ามารวมกลุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เกาะหัวไหล่พานหมิ่นช่วยแก้คำพูดให้ “แม้หมอจะต่ำต้อย แต่ไม่ใช่ใครก็เรียนรู้ได้!”

“ใช่ๆๆ” พานหมิ่นผงกศีรษะทันที หัวเราะจนร่างกายสั่นไหว “น้องซูพูดถูก แต่ก็มีคนไม่รู้จักท้องฟ้าสูงพื้นดินหนาไม่ว่าอาชีพใดล้วนอยากยื่นมือเข้าไป ใครไม่รู้จะเข้าใจว่าเป็นผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมแห่งยุค เฮอะ! ไม่รู้จักส่องคันฉ่องดูตนเองเสียบ้าง”

“นั่นสิ ไม่กลัวจะทำให้จวนกั๋วกงต้องอับอายขายหน้าหรือ”

“หนังสือวิชาการแพทย์แม้จะไม่นำไปสอนในชั้นเรียน สะใภ้สี่กลับสามารถอ่านเข้าใจและนำมาใช้ได้จริง เกรงว่าคนบางคนกระทั่งอ่านก็ยังอ่านไม่เข้าใจ ตนเองไม่มีความสามารถก็ยังมาหัวเราะเยาะคนอื่น” ฝูหรงกล่าวขึ้นพลางมองไปที่สี่จวี๋ “เช่นนี้เรียกอะไรนะ”

สี่จวี๋ก็กล่าวยิ้มๆ “เช่นนี้เรียกอยากกินองุ่นแต่ไม่ได้กิน จึงบอกองุ่นเปรี้ยว…”

“พวกต่ำช้ากีบเท้าเล็กมาจากที่ใด” เนื่องจากไม่กล้าว่าสี่จวี๋ พานหมิ่นจึงชี้หน้าฝูหรงแล้วด่าว่า “พวกเจ้านายคุยกัน มีที่ให้เจ้าสอดปากคำหรือ”

เสียงแหลมเล็กดังก้องไปไกล หญิงรับใช้สูงวัยที่เดินไปมาอยู่บริเวณข้างกำแพงต่างหยุด ชะเง้อคอยาวมองมาทางด้านนี้ เหยาหลันที่เพิ่ง ‘คลานออกมาราวกับหอยทาก’ เห็นแล้วก็เดินเข้ามาดึงรั้งพานหมิ่นกับต่งซูไว้

“ทั้งสองกำลังทำอะไร เมื่อวานข้าเพิ่งได้ใบชาปี้หลัวชุนมาจำนวนหนึ่ง ไปชิมที่เรือนข้ากัน ช่วยคลายความร้อนในร่างกาย”

“ปี้หลัวชุนมีอะไรน่าดื่ม” ต่งซูสะบัดชายแขนเสื้อ เกาะแขนชิวหงเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง “ยังสู้น้ำค้างกุหลาบที่ห้องข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

เหยาหลันยิ้มๆ ก่อนหันมาเบ้ปากให้หลวนอวิ๋นชู

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com