ทอดสายตามองไป ในห้องโถงแออัดไปด้วยผู้คน แต่กลับเงียบกริบไร้สุ้มเสียง โดยเฉพาะสี่สิบกว่าคนที่รอเลือกตัวอยู่ที่ด้านล่าง ต่างยืนกลั้นลมหายใจ มองหลวนอวิ๋นชูตาปริบๆ ในห้องโถงกว้างใหญ่ได้ยินเพียงเสียงจิบชาเบาๆ เงียบจนทำให้คนหายใจไม่ออก
เห็นว่าในที่สุดหลวนอวิ๋นชูก็วางถ้วยชา หลี่หวาจึงยื่นถ้วยชาในมือให้สาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง
“สะใภ้สี่ เอ่อ…ท่านดูคนเหล่านี้…มีที่ถูกใจหรือไม่”
เพิ่งเคยติดต่อทำการค้ากับหลวนอวิ๋นชูเป็นครั้งแรก หลี่หวาที่เห็นว่าตนพบเจอคนมานับไม่ถ้วน สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คืออ่านใจคน ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวตัวเล็กบอบบางหน้าตางดงามที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้ว นางกลับมองไม่ออกแม้แต่น้อย เดินตามหลังหลวนอวิ๋นชูมารอบหนึ่ง พูดไปไม่รู้จบจนปากคอแห้งผากหมดแล้ว กลับยังคงอ่านความคิดของหลวนอวิ๋นชูไม่ออก จึงอดรู้สึกท้อแท้ไม่ได้ จะพูดอะไรย่อมไม่มีความมั่นใจ
“หรือไม่…สะใภ้สี่ก็เลือกที่ดูแล้วถูกใจจำนวนหนึ่งก่อน” สี่จวี๋พูดอย่างหยั่งเชิง “จากนั้นค่อยทดสอบความสามารถและฝีมือด้านอื่น”
หลวนอวิ๋นชูก็กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เดินมารอบหนึ่ง เพียงอาศัยสัญชาตญาณคนที่เข้าตาก็มีอยู่ยี่สิบกว่าคน แต่นางต้องการเพียงสิบเจ็ดคน ก้าวต่อไปจะคัดกรองอย่างไรก็เป็นเรื่องยากอย่างหนึ่ง นางไม่คุ้นเคยกับพิธีการธรรมเนียมปฏิบัติของสมัยโบราณ นอกจากสาวใช้ข้างกายที่พอจะรู้งานที่ทำบ้างแล้ว ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตำแหน่งหน้าที่ของคนอื่นๆ ที่เหลือต้องมีความชำนาญอะไรเป็นพิเศษ ถ้าจะให้นางมาคัดเลือกตามประเภทของงานก็คงเหนื่อยแย่
ได้ยินคำพูดของสี่จวี๋แล้ว หลวนอวิ๋นชูก็เกิดความคิดขึ้นในใจจึงพยักหน้า
“ข้าจะเรียกตามหมายเลขที่อยู่ตรงหน้าอกของพวกเจ้า คนที่ถูกเรียกก็ออกมายืนทางด้านนี้ ที่ยังเรียกไม่ถึงก็ยืนอยู่ที่เดิม จะมีคนมาพาพวกเจ้าไปพักผ่อน”
คำพูดเบาๆ เพียงประโยคเดียว อากาศรอบด้านพลันตึงเครียดขึ้นมาทันที คนสี่สิบกว่าคนที่อยู่ด้านล่างแต่ละคนต่างยืดตัวตรง หูตั้งใจฟัง มองหลวนอวิ๋นชูด้วยความตื่นเต้นและเร่าร้อน ประหนึ่งอยู่ในช่วงเวลาประกาศผลการตัดสินผู้ได้ตำแหน่งสาวงามในยุคสมัยปัจจุบันก็ไม่ปาน
มุมปากหลวนอวิ๋นชูหยักยกขึ้น ดวงตาแวววาวดุจดวงดาว
หลังจากวุ่นวายอยู่พักหนึ่งคนสี่สิบกว่าคนก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม พ่อบ้านเฮ่อโบกมือขึ้น ก็มีหญิงรับใช้สูงวัยเข้ามาพากลุ่มที่ยืนอยู่ที่เดิมออกไป
มองคนยี่สิบเจ็ดคนที่หลวนอวิ๋นชูเลือกออกมา หลี่หวาสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บทีหนึ่ง
สะใภ้สี่ผู้นี้สายตาเฉียบคมมาก!
แม้เดินแค่รอบเดียว แต่คนที่เลือกออกมาในสิบคนมีแปดเก้าคนที่มีคุณสมบัติดีเลิศ เห็นแล้วนางก็ปวดใจ ที่ดีๆ ถูกเลือกไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ขายไม่ได้ราคา ยังดีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นใจหรือเห็นแก่ราคาที่ถูก หลวนอวิ๋นชูได้เลือกเฉิงชิงเสวี่ยไปด้วย เรื่องนี้ทำให้หลี่หวารู้สึกโล่งอกไม่น้อย
อันที่จริงเฉิงชิงเสวี่ยก็เป็นผู้มีคุณสมบัติดีเลิศคนหนึ่ง เพียงแต่ฐานะนักโทษทางการของนางทำให้คนเห็นแล้วถอยหนี สายตาหลี่หวาที่มองหลวนอวิ๋นชูต่างจากตอนเพิ่งมาถึง มีแต่ความเลื่อมใสหญิงสาวตัวเล็กผู้นี้จากส่วนลึกของหัวใจ เห็นหลวนอวิ๋นชูก็มองตนเองเช่นกันจึงพูดจากใจจริง
“บัณฑิตหญิงก็คือบัณฑิตหญิง แตกต่างจากคนอื่นอย่างแท้จริง สายตาในการมองคนของสะใภ้สี่ ในเมืองหลวนเฉิงก็พอจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ข้าทำงานเป็นคนค้าทาสมานานปี ต้องติดต่อทำการค้ากับผู้คนโดยเฉพาะ เข้าใจว่าตนเองพบเจอคนมามากมายนับไม่ถ้วน กลับไม่มีสายตาในการมองคนเช่นท่าน ครั้งนี้ท่านคัดเอาคนเก่งของข้าไปหมดแล้ว จะอย่างไรก็ต้องเพิ่มเงินพิเศษให้ข้าจึงจะถูก”