คำพูดนี้อ้อมค้อมนุ่มนวลมากพอ ทั้งปฏิเสธการพิจารณาคัดเลือกและเหลือศักดิ์ศรีให้ตนเองอย่างเพียงพอ หลี่หวาแอบท่องอมิตาภพุทธออกมาคำหนึ่ง ปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่หน้าผากพลางผงกศีรษะติดๆ กัน
“สะใภ้สี่กล่าวได้ถูกต้อง เป็นข้าที่คิดอะไรไม่รอบคอบมากพอ ผิดต่อเจตนาดีของท่านแล้ว ฝีมือของนางหนูเหล่านี้เทียบไม่ได้กระทั่งเล็บนิ้วมือเดียวของท่าน ท่านย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา คำว่า ‘ดี’ ย่อมพูดไม่ออก แต่หากท่านพูดคำว่า ‘ไม่ดี’ ออกมา คัดข้อเสียออกมามากไป เกรงว่านางหนูเหล่านี้คงมีคิดอยากตายอยู่บ้าง…ข้าได้ยินว่าแม่นางฝูหรงติดตามท่านมาหลายปี ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็ชั้นหนึ่ง แม่นางสี่จวี๋ก็ยิ่งมั่นใจได้ งานปักเหล่านี้ให้พวกนางมาตัดสินก็เพียงพอแล้ว”
ถูกหลี่หวาเตือน สี่จวี๋ก็ได้สติ มือที่ประคองงานปักสั่นน้อยๆ มองหลวนอวิ๋นชูด้วยความหวั่นหวาด
หลวนอวิ๋นชูไม่ได้พินิจพิเคราะห์ความหมายในคำพูดของหลี่หวาอย่างละเอียด เห็นอีกฝ่ายไม่ยืนกรานให้นางตัดสินก็โล่งอก เงยหน้าขึ้นมองสี่จวี๋
“เอาลงไปเถิด”
“บ่าวขอบคุณสะใภ้สี่!”
ราวกับได้รับการอภัยโทษ สี่จวี๋มองหลวนอวิ๋นชูอย่างซาบซึ้งใจแวบหนึ่ง ขณะจะหมุนตัวก็ถูกอีกฝ่ายเรียกไว้
“จริงสิ…”
สี่จวี๋ตัวสั่นเทา
“สะใภ้สี่มีอะไรจะสั่งเพิ่มหรือเจ้าคะ”
“เฉิงชิงเสวี่ยผู้นั้น…” หลวนอวิ๋นชูชี้ไปที่เฉิงชิงเสวี่ย “รอบนี้ไม่ต้องนับนางเข้าไปด้วย”
“สะใภ้สี่ นี่…”
เฉิงชิงเสวี่ยผู้นี้เป็นนักโทษของทางการ ไม่อาจเอาไว้!
น่าเสียดาย การทดสอบมารยาทนางทำได้สมบูรณ์แบบยิ่ง ภายใต้สายตาผู้คนที่จ้องมองอยู่หาจุดอ่อนไม่พบจริงๆ ก็รอด่านเย็บปักถักร้อยนี่แล้ว ไม่คิดว่าพอปากที่มีค่าดั่งทองคำของหลวนอวิ๋นชูเอ่ยออกมา ถึงกับมีคำสั่งละเว้นให้เฉิงชิงเสวี่ยเป็นกรณีพิเศษ
สี่จวี๋เรียกสะใภ้สี่ออกมาคำหนึ่ง คำพูดต่อจากนั้นค้างติดอยู่ในลำคอ เมื่อครู่นางเจ้ากี้เจ้าการจะให้หลวนอวิ๋นชูคัดเลือกงานปัก นับว่าฝ่าฝืนข้อห้ามแล้ว หลวนอวิ๋นชูไม่ได้ตำหนิก็ถือเป็นความเมตตาอย่างใหญ่หลวง เวลานี้นางไม่กล้าก่อเรื่องขึ้นอีก
นิ่งงันอยู่ชั่วขณะ สี่จวี๋สีหน้าพลันผ่อนคลาย ด่านนี้ไม่ได้ก็ยังมีอีกด่าน สะใภ้สี่คงไม่มีคำสั่งละเว้นให้นางเป็นกรณีพิเศษอีกครั้งกระมัง เด็กสาวผู้นี้กระทั่งภาษาหลวนก็ยังไม่รู้ ด่านถัดไปถ้าคัดเลือกไม่ผ่าน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้อ้างแล้ว!
คิดมาถึงตรงนี้สี่จวี๋ก็ยอบตัว
“เจ้าค่ะ บ่าวรับคำสั่งสะใภ้สี่”
“อืม…นี่ก็สายมากแล้ว” เห็นสี่จวี๋สีหน้าเปลี่ยน หลวนอวิ๋นชูก็ฉุกคิดขึ้นมา “ข้าว่าไม่ต้องออกหัวข้อทดสอบอีกแล้ว เจ้ากับฝูหรงก็ตัดสินจากงานปักเหล่านี้ แล้วคัดออกอีกห้าคนเถอะ”
คำพูดของหลวนอวิ๋นชูไม่เพียงประกาศว่านี่เป็นด่านสุดท้าย ยังเท่ากับประกาศว่าเฉิงชิงเสวี่ยผ่านการคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ ในห้องโถงมีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที คนที่ฝีมือเย็บปักร้อยดีย่อมโห่ร้องยินดี คนที่ฝีมือเย็บปักถักร้อยไม่ดีต่างตีอกชกหัว พากันทอดถอนใจไม่หยุด
สี่จวี๋ยืนอยู่กับที่ราวกับเป็นรูปปั้นดิน งานปักในมือเกือบจะร่วงลงสู่พื้น
เฉิงชิงเสวี่ยผู้นี้ไม่อาจเอาไว้เด็ดขาด!