สตรีผู้นั้นไม่เพียงเป็นนักโทษทางการ ยังเป็นคนแคว้นหลี จวนแห่งนี้ถูกเจียงเสียนขุนนางทรยศแห่งแคว้นหลี คนเสเพลแห่งเมืองหลวนเฉิงก่อความวุ่นวายจนทุกเรือนต่างเอือมระอาคนแคว้นหลีเป็นที่สุด โดยเฉพาะนายหญิงใหญ่ที่ใส่ใจเรื่องเกียรติยศหน้าตาไปเสียทุกด้าน พอเอ่ยถึงเจียงเสียนสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ นายหญิงใหญ่ไม่มีทางยอมให้หลวนอวิ๋นชูรับนักโทษทางการจากแคว้นหลีเข้ามาอีกคนแน่
แต่หลวนอวิ๋นชูพูดออกจากปากไปแล้ว คิดจะทัดทานก็ไม่ทัน
“สะใภ้สี่ เอ่อ…” ขณะร้อนใจพลันเกิดความคิดขึ้น สี่จวี๋เอ่ยปาก “ท่านเป็นบัณฑิตหญิงที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวนเฉิง หากคิดจะเลือกสาวใช้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรต้องทดสอบความสามารถด้านการประพันธ์สักหน่อย”
ฉับพลันนั้นสายตาแวววาวสุกใสก็พุ่งมารวมตัวกันอยู่ที่ร่างหลวนอวิ๋นชู คนที่มีฝีมือด้านการแต่งบทกวีก็เออออคล้อยตามขึ้นมาอย่างใจกล้า คนอื่นๆ ที่ความสามารถด้านการประพันธ์ค่อนข้างดีก็ส่งเสียงโห่ร้องตามไปด้วย ในห้องโถงวุ่นวายขึ้นมาทันที
สวรรค์! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเหลือเด็กสาวที่มีความสามารถด้านการประพันธ์ไว้ให้ข้าสักหลายคน อย่างน้อยนี่ก็เป็นจุดขายสำคัญจุดหนึ่ง ถ้าไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ทั้งยังคืนเฉิงชิงเสวี่ยกลับมา ข้าจะเอาศีรษะพุ่งชนกำแพงตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงอึกทึกของทุกคน หลี่หวาก็ไม่มีแก่ใจจะยับยั้ง เพียงมองหลวนอวิ๋นชูด้วยความตึงเครียด กลัวมากว่าหญิงสาวตัวน้อยที่อ่านใจยากผู้นี้จะพยักหน้า
ทำการค้าให้ความสำคัญกับคำว่า ‘เชื่อถือ’ หลวนอวิ๋นชูเลือกเอาคนเก่งๆ ของนางไปหมดแล้ว แม้จะปวดใจนางก็ได้แต่ทำใจยอมรับ นั่งอยู่ที่นั่นรับมือด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน คำพูดเพียงประโยคเดียวของหลวนอวิ๋นชูเลือกเฉิงชิงเสวี่ยที่ตกค้างอยู่ในมือนางไป ทำให้นางอดปลื้มปีติยินดีไม่ได้ ขณะแอบดีใจอยู่นั้น คิดไม่ถึงว่าสี่จวี๋กลับเสนอเรื่องความสามารถด้านการประพันธ์ขึ้นมา
เมื่อมาใคร่ครวญดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่นับรอบที่หลวนอวิ๋นชูคัดเลือกด้วยสายตา มาถึงตอนนี้ก็เพียงตั้งหัวข้อทดสอบไปสองข้อคือมารยาทกับฝีมือการเย็บปักถักร้อยเท่านั้น เฉิงชิงเสวี่ยทำไม่ได้หนึ่งหัวข้อ ได้หลวนอวิ๋นชูอนุโลมให้เป็นพิเศษก็พอจะรับได้
แต่ถ้ามีความสามารถด้านการประพันธ์อีกหนึ่งหัวข้อ ในสามหัวข้อนี้เฉิงชิงเสวี่ยทำไม่ได้สองหัวข้อ ย่อมพูดยากแล้ว ท่ามกลางสายตาผู้คนหลวนอวิ๋นชูย่อมไม่กล้าอนุโลมให้เป็นพิเศษถึงสองหัวข้อ นางหลี่หวาต่อให้หน้าหนาเพียงไรก็ไม่อาจดึงดันยัดเยียดนักโทษทางการที่มีรอยสักผู้นี้ให้กับจวนกั๋วกง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสี่จวี๋คิดจะใช้ความสามารถด้านการประพันธ์เตะเฉิงชิงเสวี่ยออกจากกระดาน เป็นเรื่องที่คนเดินถนนต่างรู้
ถูกสายตาของทุกคนจับจ้องมอง ปลายจมูกของหลวนอวิ๋นชูก็มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมา เมื่อครู่เห็นสีหน้าสี่จวี๋ไม่ถูกต้อง ก็คาดเดาอยู่แล้วว่านางต้องมีความคิดอะไร ด้วยเหตุนี้จึงได้ชิงปิดปากนางก่อน คิดไม่ถึงว่านางหนูผู้นี้สุดท้ายแล้วยังคงพูดออกมา
หัวคิ้วกระตุกเล็กน้อย สี่จวี๋ผู้นี้ เหตุใดจึงตั้งใจจะขัดแย้งกับข้าเช่นนี้!