ใจอยากจะปฏิเสธไปเลย แต่เมื่อมาคิดดูอย่างละเอียด นางเป็นบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุค มีท่วงท่าสง่าน่าเกรงขาม เลือกสาวใช้ไม่ดูความสามารถด้านการประพันธ์ พูดให้ใครฟังก็ดูจะไม่มีเหตุผล แต่ถ้าจะทดสอบความสามารถด้านการประพันธ์อีกหัวข้อจริง ไม่พูดถึงว่าเฉิงชิงเสวี่ยจะถูกเตะออกจากจวน เรื่องที่นางไม่รู้หนังสือก็จะปิดบังไม่อยู่ด้วย ต้องถูกเปิดเผยออกมาทันที
ทำอย่างไรดี
คำพูดประโยคเดียวของสี่จวี๋ประหนึ่งผลักหลวนอวิ๋นชูขึ้นไปบนกองไฟ พลาดพลั้งเพียงนิดเดียวร่างต้องถูกเผาไหม้เป็นผุยผง
ใจหลวนอวิ๋นชูประหนึ่งเหมือนน้ำชงชาเดือด พลุ่งพล่านไม่หยุด ทว่าสีหน้าไม่เปลี่ยน นางมองสบตาทุกคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก
เสียงเอะอะค่อยๆ เงียบลง
กลิ่นอายความตึงเครียดขุมหนึ่งแผ่ลามออกมา ทำให้คนอึดอัดจนหายใจไม่ออก ครั้นแล้วทุกคนก็พากันกลั้นลมหายใจ
ในห้องโถงที่กว้างขวาง ถ้ามีเข็มตกก็ยังได้ยินเสียง
สี่จวี๋พลันกระสับกระส่ายขึ้นมา แขนที่ประคองถาดใส่งานปักก็เมื่อยล้าแล้ว สะใภ้สี่ผู้นี้ชอบทำอะไรแปลกประหลาดอยู่เสมอ ไม่ทำอะไรตามหลักเหตุผลทั่วไป ทำให้นางคาดเดาอะไรไม่ถูก หรือว่าคำพูดเมื่อครู่นางไปฝ่าฝืนข้อห้ามอีก
เมื่อคิดได้ดังนี้สายตาของสี่จวี๋ที่มองหลวนอวิ๋นชูก็เจือความหวั่นหวาดสามส่วน ใบหน้าซีดขาวขึ้นมา
“สะใภ้สี่ บ่าว…”
“ดูความจำของเจ้าสิ ตอนเช้านายหญิงใหญ่เพิ่งบอก ‘ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน เน้นหนักเรื่องความอ่อนโยนดีงามมีคุณธรรม อิสตรีดูแลครอบครัวด้วยความขยันขันแข็ง ประหยัดมัธยัสถ์ จึงจะเป็นรากฐานที่ถูกต้อง บทกวี โคลงกลอนอะไรนั่นล้วนเป็นเรื่องของบุรุษ พวกเราอิสตรีไม่นิยมสิ่งนี้’ ” หลวนอวิ๋นชูสีหน้าสุขุมเยือกเย็น ในน้ำเสียงเจือความเอ็นดูอยู่ขุมหนึ่ง “เหตุใดชั่วพริบตาเดียวก็ลืมแล้ว ถ้าตอนนี้ข้าใช้บทกวีเอย โคลงกลอนเอยมาคัดเลือกสาวใช้ เรื่องไปถึงหูนายหญิงใหญ่เมื่อไร ข้าถูกต่อว่าที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้านายหญิงใหญ่โกรธขึ้นมาข้าก็จะกลายเป็นคนอกตัญญูแล้ว”
คำพูดยังพูดไม่จบสี่จวี๋ก็แข้งขาอ่อนลงไปคุกเข่ากับพื้น
“บ่าวไม่ดีเอง ถ้าไม่ใช่สะใภ้สี่เตือนสติ บ่าวคงลืมคำสั่งสอนของนายหญิงใหญ่ไปจริงๆ ถึงกับยุยงให้ท่านอกตัญญูต่อนายหญิงใหญ่ สะใภ้สี่โปรดลงโทษด้วย”
“เจ้าดูตนเองสิ ข้าก็แค่เอ่ยเตือนคำเดียว เจ้าก็คุกเข่าลงไปแล้ว” มองสี่จวี๋โขกศีรษะต่อหน้าผู้คนพอแล้ว หลวนอวิ๋นชูจึงเผยสีหน้าปวดใจออกมา “รีบลุกขึ้นเถิด เพียงแต่ต่อไปต้องไม่ลืม คำสั่งสอนของนายหญิงใหญ่ต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจ นี่จึงจะเป็นความกตัญญูกตเวที”
จำได้ก็แปลกแล้ว!
พูดจบหลวนอวิ๋นชูก็พูดเพิ่มอยู่ในใจอีกประโยคหนึ่ง
คำพูดเบาหวิวเพียงประโยคเดียวของหลวนอวิ๋นชูทำให้สี่จวี๋สาวใช้รุ่นใหญ่ตื่นตระหนกจนโขกศีรษะไม่หยุด ทุกคนรวมถึงพ่อบ้านเฮ่ออดเลื่อมใสไม่ได้ เอ่ยชื่นชมไม่หยุดปาก โดยเฉพาะด้านล่าง เด็กสาวยี่สิบสองคนที่ได้รับการคัดเลือกนอกจากจะมองหลวนอวิ๋นชูด้วยแววตาเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ยังมีความหวั่นเกรงเพิ่มขึ้นมาสามส่วน
หลวนอวิ๋นชูไม่รู้ว่าคำพูดสบายๆ ประโยคเดียวของนางกับการคุกเข่าของสี่จวี๋สามารถเอาชนะใจคนเหล่านี้ได้แล้ว
สี่จวี๋ที่ถูกสาวใช้รุ่นเล็กพยุงขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉิงชิงเสวี่ยเข้าพอดี ร่างนางชะงักนิ่ง หันกลับมาร้องเรียกอีกครั้ง
“สะใภ้สี่…”