ขอร้องล่ะ นางก็แค่อยากได้ผู้คุ้มกันที่ร่างกายแข็งแรงมีกำลังสักคน เหตุใดนางหนูผู้นี้จึงทำเหมือนนางจะไปกระทำแย่ๆ กับมารดาของตนเองเช่นนั้น ขวางแล้วขวางอีกอยู่นั่น ปรายตามองใบหน้าที่ไม่ยินยอมของสี่จวี๋แล้ว หัวใจของหลวนอวิ๋นชูก็จมดิ่งลง นางไม่พูดอะไร เพียงมองสี่จวี๋ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ภายนอกภายในก็ไว้หน้าตาอย่างเพียงพอ นางหนูผู้นี้เหตุใดยังไม่รู้จักดีชั่ว นี่จะเสนอความคิดประหลาดอะไรอีก
เรื่องกำลังดี เจ้าอย่าได้มาทำให้เสียเรื่องเป็นอันขาด
หลี่หวามองสี่จวี๋ตาปริบๆ แทบอยากจะก้าวเข้าไปเรียกนางว่า ‘บรรพบุรุษ’ แล้วยัดเงินให้สักหลายตำลึง
เป็นเพราะสี่จวี๋เห็นเฉิงชิงเสวี่ยแล้วขัดตา ภายใต้ความร้อนใจจึงเรียกสะใภ้สี่ออกมาคำหนึ่ง ทว่ากลับลังเลขึ้นมา จะอย่างไรนางก็เป็นบ่าวไพร่คนหนึ่ง วันนี้หลวนอวิ๋นชูได้ให้หน้าตาแก่นางอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าตนเองยังปากมากอีก เกิดพูดอะไรผิดไปคำหนึ่ง ทำให้หลวนอวิ๋นชูโกรธ สั่งลงโทษขึ้นมาในที่นี้ ตนเองต้องขายหน้าไม่พูดถึง เกรงว่าต่อไปเด็กสาวเหล่านี้ย่อมจะมองนางด้วย ‘สายตาที่ไม่ให้ความสำคัญ’
คิดหน้าคิดหลังแล้ว สี่จวี๋พลันเกิดความขลาดกลัวขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ จึงกลืนคำพูดที่มาถึงลำคอกลับลงไป เปลี่ยนคำพูดใหม่
“บ่าวจะทำสุดความสามารถ ไม่ให้ท่านต้องผิดหวัง”
หลี่หวาสีหน้าผ่อนคลายลง มองสบตาหลวนอวิ๋นชูแล้วยิ้ม
ไหนเลยจะรู้ เพิ่งกดน้ำเต้าลงกระบวยก็ลอยขึ้นมาหลวนอวิ๋นชูกับหลี่หวาต่างระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก พ่อบ้านเฮ่อที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างเงียบๆ มาโดยตลอดกลับข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว เขาขยับตัว ประสานมือคารวะแล้วบอก
“สะใภ้สี่ การทำงานสิ่งสำคัญคือความเที่ยงธรรม นี่ก็คือคำพูดที่นายหญิงใหญ่สั่งสอนบ่าวอยู่เสมอ มาบัดนี้ระเบียบในการคัดเลือกสาวใช้ได้กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนสมควรต้องปฏิบัติตาม”
ข้ายังเป็นเจ้านายอยู่หรือไม่ เหตุใดจะทำอะไรตามความต้องการของตนเพียงเล็กน้อยจึงได้ยากเพียงนี้ มองพ่อบ้านเฮ่อที่เคร่งขรึมผิดปกติ หลวนอวิ๋นชูขมวดคิ้ว แสร้งทำเป็นมองไปรอบๆ แข็งใจพูดขึ้น
“พ่อบ้านเฮ่อกล่าวได้ถูกต้อง คนมากเพียงนี้ต่างลืมตามองอยู่ เจ้าเห็นใครโกง ไม่ทำตามกฎเกณฑ์บ้าง บอกมาได้เลย ข้าจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด”
พูดพลางสายตาจับนิ่งไปที่ร่างสี่จวี๋กับฝูหรง ทั้งสองคนเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที
สวรรค์ พวกนางไม่ได้โกง!
ด่านมารยาท สายตาของทุกคนล้วนสว่างไสว พวกนางทำงานอย่างเป็นธรรมไม่ได้โน้มเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าหลวนอวิ๋นชูในใจรู้ดีแต่ภายนอกทำเป็นเลอะเลือน ถึงกับใส่ร้ายป้ายสีเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เมื่อมองสบสายตาไม่พอใจของสี่จวี๋ฝูหรง พ่อบ้านเฮ่อสีหน้าพลันเปลี่ยนไปมา
นี่ใช่นายหญิงของบ้านที่ไหน คนเสเพลตามท้องถนนชัดๆ!
“สะใภ้สี่ได้มอบอำนาจในการออกหัวข้อทดสอบให้กับสี่จวี๋และฝูหรงแล้ว ย่อมไม่อาจออกหน้าก้าวก่ายอีก” เห็นนางพูดติดตลกเช่นนี้ พ่อบ้านเฮ่อจึงพูดเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม “พวกนางออกหัวข้องานเย็บปักถักร้อย คนที่ทำไม่ได้ย่อมต้องคัดออก เวลานี้เฉิงชิงเสวี่ยทำงานเย็บปักถักร้อยไม่ได้ ย่อมสมควรคัดออกก่อนใคร”
นักโทษทางการผู้นี้ไม่อาจซื้อตัวมาเด็ดขาด วันนี้ถ้าไม่ขวางไว้ หากนายหญิงใหญ่รู้แล้ว เขาผู้เป็นพ่อบ้านต้องถูกถลกหนังแน่นอน!
พ่อบ้านเฮ่อไม่ปิดบังอีก คิดว่าคงร้อนใจจริงๆ แล้ว หลี่หวาสูญเสียกำลังใจอย่างสิ้นเชิง
เฉิงชิงเสวี่ยไปมาไม่ใช่เพียงบ้านเดียว ล้วนไม่มีใครกล้ารับไว้ หลวนอวิ๋นชูแม้จะมีใจ แต่เกรงว่าวันนี้คงไม่อาจตัดสินใจได้ พ่อบ้านเฮ่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าตนยังแสร้งทำเป็นใบ้อีก เช่นนั้นหลวนอวิ๋นชูก็จะไม่มีทางให้ลงแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ หลี่หวาจึงถือโอกาสหัวเราะอย่างเปิดเผย
“พ่อบ้านเฮ่อพูดถูก เฉิงชิงเสวี่ยทำงานเย็บปักถักร้อยไม่ได้ก็สมควรถูกคัดออก เรื่องนี้สมควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น ไม่ต้องพะวงถึงข้า ท้ายสุดข้าย่อมพานางจากไป ไม่สร้างความยุ่งยากให้ท่านกับสะใภ้สี่”
ด้านล่างพลันโกลาหลทันที เด็กสาวหลายคนที่เดิมสนิทสนมกับเฉิงชิงเสวี่ย เห็นในที่สุดนางก็มีคนต้องการแล้วกำลังแอบขยิบตา ยกนิ้วหัวแม่มือให้ ดีใจแทนนาง คิดไม่ถึงว่าเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เมฆฝนพลิกคว่ำ นางถูกคัดออกอีกครั้งแล้ว!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 ก.ค. 64 เวลา 12.00 น.