มองการแสดงออกที่ดื้อรั้นนี้แล้ว หลวนอวิ๋นชูก็มีความรู้สึกในทางที่ดีขึ้นมาหลายส่วน หันไปถามหลี่หวาด้วยความฉงน
“ค้าเกลือส่วนตัวหรือ”
“สะใภ้สี่ใช้ชีวิตอยู่ในเหย้าในเรือนจึงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ในบรรดาสามแคว้น ข้อได้เปรียบที่สุดของแคว้นเราคือเป็นแหล่งผลิตเกลือ แคว้นชื่อแม้จะผลิตเกลือเช่นกัน แต่ทุกปียังต้องซื้อเกลือจากแคว้นเรา เพียงแต่จำนวนน้อยหน่อยเท่านั้น แคว้นหลีที่ตั้งอยู่ในที่อากาศหนาวเย็นกลับไม่มีเกลือ มีชื่อเสียงเรื่องผลิตแร่เป็นหลัก ครั้นแล้วจึงได้ตกลงทำการค้ากับแคว้นเรา เอาแร่มาแลกกับเกลือ แต่แคว้นหลีก็กลัวแคว้นเราจะทำอาวุธจำนวนมาก คุกคามไปถึงพวกเขาได้ จึงบีบบังคับให้ทำข้อตกลงว่าจะมอบแร่ให้แคว้นเราเพียงพอสำหรับผลิตข้าวของเครื่องใช้ประจำวันเท่านั้น ส่วนที่ไม่พอจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรา”
“แคว้นหลีอาศัยอะไรจึงจำกัดจำนวนในการซื้อแร่ของเรา แต่เรากลับไม่อาจจำกัดการซื้อเกลือของพวกเขา!” ฟังมาถึงตรงนี้สี่จวี๋ก็เดือดดาลขึ้นมา “เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคน ฝ่าบาททรงเห็นชอบหรือ”
“ฝ่าบาทย่อมไม่ทรงเห็นชอบ” หลี่หวายิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยน “แต่เมื่อใคร่ครวญดูอย่างละเอียด ความต้องการเกลือของแคว้นหลีมากกว่าความต้องการแร่ของแคว้นเรามากนัก เมื่อพูดถึงในระยะยาว เรื่องนี้ไม่มีผลเสียต่อแคว้นของเรา หลังจากเจรจาหารือกันหลายครั้ง สุดท้ายก็ตกลงกันว่าทุกปีแคว้นเราจะแลกเปลี่ยนเกลือจำนวนหนึ่งในราคาของทางการกับแร่ตามจำนวนที่ทางแคว้นหลีเสนอมา เรื่องนี้ทางการจะเป็นผู้ควบคุม เรียกว่า ‘เกลือทางการ’ นอกจากนี้ทุกปีทางแคว้นหลียังต้องซื้อเกลือจำนวนมากผ่านพ่อค้าเกลือ เรียกว่า ‘เกลือส่วนตัว’ แม้จะบอกว่าพ่อค้าเป็นคนขาย แต่ก็ต้องให้ทางการประกาศยินยอม ยังต้องมีการควบคุม เกลือส่วนนี้เวลาผ่านแดน ทางแคว้นเราจะเก็บค่าผ่านแดนในราคาที่สูง สูงกว่าราคาเกลือห้าเท่าสิบเท่า”
“สวรรค์! เหตุใดจึงราคาสูงเพียงนั้น” ฝูหรงเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง “แล้วแคว้นหลียังเต็มใจซื้อหรือ”
“เกลือเป็นสิ่งที่ชาวบ้านไม่อาจขาด ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่แคว้นหลีก็จำเป็นต้องซื้อ ท่านอาจจะเห็นว่าเกลือเป็นสิ่งไม่สำคัญอะไร เป็นของที่มีราคาถูกในแคว้นเรา แต่อยู่ที่แคว้นหลีกลับแพงจนน่าตกใจ ได้ยินว่าเกลือที่แคว้นหลีต้องจัดสรรแบ่งให้ตามจำนวนครัวเรือน ทั้งหมดนี้ล้วนกำหนดขึ้นมาในรัชสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฝ่าบาททรงคิดจะใช้เกลือมากดดันและควบคุมเส้นโลหิตสำคัญของแคว้นหลี”
“ด้วยเหตุนี้บิดาของนางจึงขายเกลือส่วนตัวหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ คนตายเพราะเงินทอง นกตายเพราะอาหาร ราคาที่แตกต่างกันมหาศาลดึงดูดใจ ย่อมมีพวกที่ไม่คิดถึงชีวิตลักลอบขายเกลือส่วนตัว หลบหลีกค่าผ่านแดนของแคว้นหลวน” หลี่หวาพยักหน้า “บิดาของชิงเสวี่ยก็เป็นเช่นนี้ ตอนเริ่มแรกยังปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ จ่ายค่าผ่านแดน แต่เกลือที่ต้องจ่ายค่าผ่านแดนเมื่อไปถึงแคว้นหลีก็เหลือกำไรไม่เท่าไร ไหนยังต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้ฝ่ายทางการในระดับต่างๆ ท้ายสุดไม่ขาดทุนก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ครั้นแล้วจึงจำต้องเสี่ยงด้วยเข้าตาจน กล่าวกันว่าขอเพียงประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียว ก็มีเงินพอให้ใช้จ่ายในช่วงชีวิตที่เหลือแล้ว”
ฝูหรงมองดวงตาที่วาวไปด้วยหยาดน้ำตา พูดออกมาด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“ครั้งแรกก็ถูกจับได้แล้ว น่าสงสารจริง”
“ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่หลังจากได้ประโยชน์แล้วยอมเลิกรา” หลี่หวามองฝูหรงอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง “ตอนบิดาของนางถูกจับหาใช่เพิ่งลักลอบขนเกลือครั้งแรก เฮ้อ…ล้วนเป็นเวรกรรมจากคำว่า ‘โลภ’ ”
การลอบค้าเกลือส่วนตัวพูดตามตรงก็คือลักลอบนำเข้าเกลือ ทั้งหลีกเลี่ยงภาษี เรื่องนี้ทำให้หลวนอวิ๋นชูนึกถึงไล่ชางซิงนักโทษคดีลักลอบขนสินค้าที่เคยเป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงหนึ่ง คนผู้นั้นก็อาศัยการลักลอบขนสินค้าจนร่ำรวย หลังจากเรื่องเปิดเผยออกมาเขาก็หนีไปอยู่แคนาดา ได้ยินว่ายังมีชื่ออยู่ใน ‘ห้าสิบอันดับผู้ทรงอิทธิพลต่อจีนยุคใหม่’ ถึงกับติดอันดับที่สามสิบ เป็นคนจีนเพียงคนเดียวที่มีหมายประกาศจับและมีชื่อติดอันดับ
นับแต่ปี ค.ศ. 1994 ไล่ชางซิงก่อตั้งบริษัทเครือซย่าเหมินหย่วนหวา จำกัด แล้วก็เริ่มทำการลักลอบขนสินค้าขนานใหญ่ กระทั่งปี ค.ศ. 1999 เรื่องเปิดโปงออกมา ถูกตรวจสอบพบว่ายอดรวมสินค้าที่เขาลักลอบขนทั้งหมดสูงถึงกว่าห้าหมื่นล้านหยวน ยอดภาษีที่หลบเลี่ยงเกินกว่าสามหมื่นล้านหยวน
มากกว่าสามหมื่นล้าน นั่นเป็นจำนวนเงินเท่ากับคนสองล้านคนทำงานหาเงินเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ด้วยจำนวนเงินที่สูงเพียงนั้นเขาจึงสามารถหลบหนีไปต่างประเทศ กระทั่งทุกวันนี้ไล่ชางซิงก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย