“ดี ในเมื่อพ่อบ้านเฮ่อเห็นด้วยแล้ว เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ เวลาผ่านไปนานแล้ว สี่จวี๋ฝูหรงรีบคัดเลือกเถิด”
“สะใภ้สี่…”
เห็นหลวนอวิ๋นชูพูดเองเออเอง ดึงดันบอกว่าตนเห็นด้วยต่อหน้าทุกคน พ่อบ้านเฮ่อในใจรู้สึกร้อนใจเรียกสะใภ้สี่ออกมาคำหนึ่ง ถึงกับพูดอะไรต่อไม่ออก
“พ่อบ้านเฮ่อยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ”
เมื่อมองใบหน้าที่สงบนิ่งอย่างประหลาดของหลวนอวิ๋นชู ฉับพลันนั้นทุกอย่างก็กระจ่างแจ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของนางทั้งหมด คำถามที่เรียบง่ายก็เปลี่ยนเป็นสลับซับซ้อน คล้ายเบื้องหลังของคำถามมีหลุมพรางขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ พ่อบ้านเฮ่อชะงักนิ่งไปด้วยความขลาดกลัว สั่นศีรษะบอก
“บ่าว…ไม่มีอะไร”
มุมปากหลวนอวิ๋นชูคลี่ยิ้มสดใสดุจบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ พริบตาเดียวก็หลอมละลายน้ำแข็งอันหนาวเย็นภายในห้อง บรรยากาศที่ตึงเครียดไหลไปดุจสายน้ำไม่เหลือร่องรอย
หลี่หวาระบายลมหายใจยาว สายตาที่มองหลวนอวิ๋นชูมีแววขบคิดและเข้าใจขึ้นมาจางๆ
พูดกันว่าบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้นี้ต้องเดือดร้อนเพราะชื่อเสียง เพียงเพราะสัญญาแต่งงานแผ่นเดียวที่รายละเอียดไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ถึงกับยินดีแต่งงานให้ต่งอ้ายที่ใกล้ตาย แต่งงานได้สามวันก็ต้องเป็นม่าย เดิมเข้าใจว่าเรียนหนังสือมากไปคนจึงคร่ำครึโง่เขลา ก็แค่คนที่แสวงหาลาภยศและคำสรรเสริญเยินยอผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าวันนี้ได้มาพบกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
ไม่ใส่ใจชื่อเสียง ไม่ใส่ใจผลได้ผลเสีย กล้าเล่นลิ้นใช้ฝีปากคารมอย่างเจ้าเล่ห์ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ปัญญาชนคร่ำครึคนหนึ่งจะกระทำได้
น่าเสียดาย เป็นแม่ม่ายของจวนกั๋วกงใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย
หลี่หวาพลันเกิดความรู้สึกเคารพนับถือและเสียดายขึ้นมา นางกลืนคำพูดสรรเสริญเยินยอที่มาถึงปากกลับลงไป หันไปมองสี่จวี๋ฝูหรงคัดเลือกงานปัก
ทั้งสองคนเดิมฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยก็สูงกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวงานปักสิบกว่าชิ้นก็ถูกคัดเลือกจนเสร็จสิ้น ในมือของแต่ละคนยังถืออยู่คนละสามชิ้น ปรึกษาหารือกันอีกพักใหญ่ แล้วจึงตัดสินห้าคนสุดท้ายที่เหลือ นำขึ้นมาให้หลวนอวิ๋นชูผ่านตา หลวนอวิ๋นชูโบกมือเป็นอันผ่านการเห็นชอบแล้ว
สี่จวี๋กับฝูหรงมองสบตากันทีหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรมาก ถืองานปักมาตรงหน้าทุกคน ฝูหรงก็เอ่ยปากพูดขึ้น
“ทุกคนตั้งใจฟังให้ดี ข้าจะเรียกชื่อที่อยู่บนงานปัก เรียกใครคนนั้นก็ออกมารับงานปักคืนไป แล้วไปยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง”
พูดจบก็หยิบงานปักขึ้นมาจากในถาด ฝูหรงเรียกชื่อไปทีละคน
“สะใภ้สี่ พ่อบ้านเฮ่อ ท่านดูว่าพอใจหรือไม่” มองเด็กสาวสิบเจ็ดคนที่เลือกออกมา หลี่หวาถามขึ้น “ต้องดูอีกหรือไม่”
หลวนอวิ๋นชูสั่นศีรษะ “เอาตามนี้เถิด!”
พ่อบ้านเฮ่อมองเฉิงชิงเสวี่ยที่ยืนตัวตรงหยิ่งผยองดุจนกกระสาเซียนอย่างไม่อาจยอมรับแวบหนึ่งแล้วสั่นศีรษะ
หลี่หวาก็มาที่เบื้องหน้าทุกคน สั่งสอนตักเตือนอย่างน่าฟังอีกครั้ง…ไม่มีอะไรมากไปกว่าสะใภ้สี่พึงพอใจในตัวพวกเจ้า นับเป็นบุญวาสนาของพวกเจ้า ต่อไปต้องตั้งใจปรนนิบัติสะใภ้สี่ให้ดีเหล่านี้เป็นต้น