เถิงอวี้อี้เลิกม่านแล้วย่างเท้าเข้ามาในห้องพร้อมอุทานอย่างประหลาดใจว่า “เอ๊ะ! ญาติผู้พี่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกหรือ”
สามเณรีน้อยก็พลอยตกใจไปด้วย ก่อนหน้านี้เหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างไปชมการแสดงศิลปะและกายกรรมที่ลานการแสดงในสวนฝั่งตะวันตก คุณหนูตู้รับอาสาอยู่ตัดกระดาษไฉ่เซิ่งเอง บนโต๊ะน้ำชายังวางแผ่นทองคำเปลวที่ตัดเสร็จเรียบร้อยไว้หลายแผ่น แต่ยามนี้นางกลับหายตัวไปแล้ว
ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร วันนี้เป็นวันเทศกาลซั่งซื่อ ชาวบ้านส่วนใหญ่ออกนอกเมืองมาทำพิธีฝูซี่ เนื่องจากอารามจิ้งฝูของพวกนางอยู่ติดกับสระฉวี่เจียงจึงมีรถม้าจอดแน่นเต็มหน้าประตูตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ภายในอารามพื้นที่กว้างขวางเช่นนี้จะดูแลให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมได้อย่างไร
“ข้าก็ไม่รู้ว่าสีกาตู้อยู่ที่ใดเช่นกัน แต่ด้านหน้าพวกชาวหู เริ่มการแสดงแล้ว ไม่แน่ว่าสีกาตู้อาจไปที่ลานการแสดงแล้วก็ได้ สีกาเถิงจะให้ข้านำทางท่านหรือไม่”
สามเณรีน้อยกล่าวพลางมองสำรวจเถิงอวี้อี้ สตรีตรงหน้าสวมหมวกม่านแพร มองเห็นข้อมือขาวผุดผ่องดั่งหยกภายใต้ผ้าคลุมเนื้อโปร่ง แม้จะมองเห็นรูปโฉมไม่ชัดเจน แต่อากัปกิริยานุ่มนวลแลดูมีเสน่ห์ เพียงพิศมองก็รู้ว่าต้องเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งแน่ วันนี้ในอารามมีสตรีจากครอบครัวตระกูลขุนนางอยู่มากมาย สำหรับสตรีที่มีความโดดเด่นถึงเพียงนี้พบเห็นน้อยนัก ได้ยินว่าเป็นญาติฝ่ายมารดากับตู้ถิงหลันผู้นั้น ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร พอเข้าอารามมาก็ถามหาคนสกุลตู้
สามเณรีน้อยได้ยินเถิงอวี้อี้เอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องหรอก ญาติผู้พี่ของข้าไม่ชอบดูกายกรรม บางทีอาจจะชมดอกไม้อยู่ในสวน ท่านส่งเท่านี้ก็พอ ข้าจะไปตามหานางเอง”
เมื่อเดินไปได้สองก้าวเถิงอวี้อี้พลันหันกลับมาแล้วชี้ไปทางโต๊ะน้ำชา “ญาติผู้พี่ของข้าตัดกระดาษไฉ่เซิ่งพวกนี้เอาไว้หรือ”
สามเณรีน้อยนิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยตอบ “ใช่แล้ว”
“ข้าจะไปหาญาติผู้พี่พอดี ท่านจะให้ข้าเอากระดาษไฉ่เซิ่งพวกนี้ไปด้วยได้หรือไม่”
เดิมทีก็เป็นของที่ทำเล่นฆ่าเวลา อีกอย่างวัสดุที่ใช้ก็มิใช่แผ่นทองคำกับแผ่นหยกของอาราม สามเณรีน้อยรีบเอ่ยว่า “เชิญตามสบาย”
ในตอนนี้เองก็มีสามเณรีอีกรูปหนึ่งเดินตรงเข้ามา “ฝ่าบาทจะเสด็จทอดพระเนตรงานเลี้ยง คืนนี้เมืองฉางอันไม่มีกฎห้ามออกนอกเรือนยามวิกาล งานเลี้ยงของเหล่าบัณฑิตจิ้นซื่อที่หอเยวี่ยเติงตรงริมน้ำจะเริ่มแล้ว ท่านเจ้าอารามสั่งให้คอยดูแลเหล่าภิกษุณีให้ดี ไม่อนุญาตให้เข้าไปใกล้หอเยวี่ยเติง”
สามเณรีน้อยรับฟังอย่างอ่อนน้อมตั้งใจ มิน่าเล่าเมื่อครู่หน้าประตูอารามมีบุรุษหนุ่มน้อยขี่อาชาสีขาวสวมอานเงินผ่านไปมากมาย ที่แท้พวกเขาก็มุ่งหน้ามาร่วมงานเลี้ยงเหล่าบัณฑิตจิ้นซื่อที่จัดขึ้นปีละครั้ง
“ทราบแล้ว” พอหันกลับไปถึงพบว่าเถิงอวี้อี้เก็บกระดาษไฉ่เซิ่งจากไปเรียบร้อยแล้ว
เถิงอวี้อี้เดินไปพลางมองสำรวจหอเยวี่ยเติงที่อยู่ไม่ไกลไปพลาง อาคารสูงสีแดงชาด กระเบื้องหลังคาสีเขียวมรกตหรูหรางดงาม อำพรางตัวอยู่ท่ามกลางสีสันยามพลบค่ำอันเลือนราง ใต้มุมชายคายกโค้งจุดโคมแก้วส่องแสงสว่างไสว
ในชาติก่อนญาติผู้พี่แซ่ตู้จบชีวิตลงในค่ำคืนเทศกาลซั่งซื่อนี่เอง สาวใช้ชื่อหงหนูก็โดนสังหารอย่างเหี้ยมโหดเช่นกัน คราแรกก็ติดตามท่านป้าเข้าไปไหว้พระในอารามจิ้งฝูอยู่ดีๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงลอบออกจากอารามไปตามอำเภอใจ กว่าจะตามหาพวกนางพบนายบ่าวคู่นี้ก็กลายเป็นศพอยู่กลางป่าไผ่ไม่ไกลจากหอเยวี่ยเติงเสียแล้ว
ตอนเกิดเรื่องเถิงอวี้อี้ยังอยู่ที่เมืองหยางโจว นางก็รู้เช่นกันว่าญาติผู้พี่ตายอย่างน่าพิศวง
ญาติผู้พี่เป็นคนกตัญญูและสุขุมเยือกเย็นมาตลอด ต่อให้ไม่ชื่นชอบความสนุกสนานรื่นเริง ก็จะคอยดูแลปรนนิบัติข้างกายท่านป้า เพราะเหตุใดกันท่านป้าไปชมการแสดงในสวนฝั่งตะวันตกแล้ว ญาติผู้พี่กลับรั้งอยู่ในห้องโถงอันเงียบสงบ
กระดาษไฉ่เซิ่งพวกนี้ยิ่งน่าแปลกใจเข้าไปใหญ่ วันนี้มิใช่ ‘วันกำเนิดมนุษย์’ เสียหน่อย เหตุใดจู่ๆ ญาติผู้พี่นึกอยากตัดพวกมันขึ้นมาได้ ถ้าหากนางมีเจตนาหาโอกาสอยู่ตามลำพัง แล้วตัดกระดาษไฉ่เซิ่งเพื่อส่งข่าวให้ผู้ใดกัน