บ่าวหญิงวัยกลางคนมองเห็นพวกเถิงอวี้อี้เดินเข้าไปได้โดยสะดวก ก็คิดจะก้าวออกไปโน้มน้าว ทว่าถูกบ่าวชายหลายคนขัดขวางไว้นอกป่าไผ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยให้ผ่านเข้าไป
บ่าวหญิงวัยกลางคนเสียงดังไม่ใช่น้อย ไป๋จื่อได้ยินถ้อยคำช่วงแรกสองสามประโยคถึงรู้ว่าสตรีนางนี้เป็นผู้ดูแลหญิงจากจวนต่งหมิงฝู่นายอำเภอวั่นเหนียน
แม้ไป๋จื่อจะอาศัยอยู่ที่เมืองหยางโจวมาตลอดแต่ก็รู้ว่าเมืองฉางอันแบ่งออกเป็นสองอำเภอ เมืองฝั่งตะวันออกอยู่ในความดูแลของอำเภอวั่นเหนียน ส่วนเมืองฝั่งตะวันตกอยู่ในความดูแลของอำเภอฉางอัน
จะว่าไปแล้วนายอำเภอประจำสองอำเภอนี้ตำแหน่งขุนนางเพียงลำดับหลักขั้นห้าขึ้นไป ทว่าพื้นที่อยู่ในอาณาเขตเมืองหลวง ได้กุมอำนาจอย่างแท้จริง นับเป็นขุนนางผู้มีเกียรติและเป็นที่ยกย่องนับถือ จึงไม่น่าแปลกใจว่าผู้ดูแลหญิงในจวนผู้หนึ่งจะวางอำนาจบาตรใหญ่ถึงเพียงนี้ได้
เมื่อพยายามเจรจาไปแล้วล้วนไร้ประโยชน์ บ่าวหญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็มีสีหน้าย่ำแย่ พอได้ยินเสียงคนในรถม้าเรียกคำหนึ่งนางก็ก้าวขึ้นรถแล้วเลิกม่านโผล่หน้าออกมา สั่งการคนบังคับรถม้าด้วยความคับแค้นใจไม่คลาย
“คุณหนูรองเป็นห่วงฮูหยินผู้เฒ่าที่ยังไม่แข็งแรง จะรีบไปร่วมงานแล้วกลับเข้าเมืองไปปรนนิบัติดูแล อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย อ้อมไปไกลหน่อยแล้วกัน”
คนบังคับรถม้าเอ่ยรับคำ จากนั้นรถม้าก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อยๆ
ไป๋จื่อลอบสังเกตเถิงอวี้อี้ พอคุณหนูเดินเข้าป่าก็วางท่าราวกับเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ แม้นางจะอยากรู้อยากเห็นเพียงใดก็ไม่กล้าถามให้มากความแล้ว แค่นึกสงสัยว่าคุณชายของบ่าววัยฉกรรจ์เหล่านั้นมีฐานะใดกันแน่ ขนาดนายอำเภอวั่นเหนียนพวกเขายังไม่เห็นอยู่ในสายตา ที่สำคัญคิดว่าอีกฝ่ายคงออกจากป่าไปแล้วเป็นแน่ เพราะเสียงฝีเท้ากับเสียงหัวเราะพูดคุยห่างออกไปไม่ไกลพอที่จะได้ยินอยู่บ้างค่อยๆ หลงเหลือเพียงเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกัน
ผิวน้ำนิ่งสงบมิรู้ก้นบึ้งลึกล้ำเท่าใด บรรยากาศยิ่งเงียบงันยิ่งน่าพิศวงเท่านั้น
หลังจากเดินไปสักระยะก็แยกทิศทางไม่ออกแล้ว ไป๋จื่อรู้สึกได้ว่าบริเวณท้ายทอยขนลุกชัน แต่ยังโชคดีที่มีตวนฝูติดตามอยู่ไม่ห่าง บ่าวผู้นี้ถูกนายท่านส่งมารับใช้ข้างกายตั้งแต่คุณหนูอายุสามขวบ เขามีฝีมือไม่ธรรมดาและจิตใจซื่อสัตย์ภักดีอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้คุณหนูส่งเขาออกไปตามหาตู้ถิงหลัน ตอนนี้ก็ติดตามพวกนางเข้าป่าไผ่ พอได้เขามาอารักขาคุณหนูอีกทำให้นางรู้สึกเบาใจขึ้นมาไม่น้อย
อากาศเย็นทว่าน่าอึดอัด เริ่มมีกลิ่นคาวเลือดเบาบางแทรกซึมปะปนทีละนิด มุ่งหน้าไปเท่าไรกลิ่นอายบางอย่างยิ่งลอยมาปะทะจมูก ความสงสัยผุดขึ้นในใจคนทั้งสามพร้อมๆ กัน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของสตรีนางหนึ่งดังออกมาจากกลางป่า ยอดต้นไม้สั่นไหวเสียงดังสวบสาบคล้ายมีสัตว์ขนาดใหญ่มหึมาบินโฉบผ่านเหนือศีรษะไป
ไป๋จื่อหนาวสะท้านไปทั้งตัว จะรีบเข้าไปปกป้องเถิงอวี้อี้ แต่คุณหนูของนางกลับกดเสียงต่ำตะโกนเรียก
“ตวนฝู”
“ขอรับ” สิ้นคำขานรับก็มีเสียงดังก้องกังวาน คมอาวุธทอประกายเย็นเยียบข่มขวัญ ตวนฝูชักดาบแล้วกระโจนออกไปทันที
เถิงอวี้อี้ยกชายกระโปรงเร่งฝีเท้าไล่ตาม เสียงกรีดร้องของสตรีนางนั้นแม้จะสั้นกระชั้น แต่เป็นเสียงญาติผู้พี่ของนางแน่นอน และบางสิ่งขนาดใหญ่ยักษ์ที่โฉบผ่านไปเมื่อครู่ส่งเสียงหอบหายใจหนักหน่วง ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือสัตว์เดรัจฉานกันแน่
ในสมองนางผุดความคิดยุ่งเหยิงนับไม่ถ้วน คนร้ายไม่มีทางเป็นผู้ที่สั่งปิดป่าไผ่ ในเมื่อต้องการสังหารคน ไยต้องประโคมเรื่องจนเอิกเกริก ขวางรถม้าของผู้อื่นไว้มากมายไม่ปล่อยให้ผ่านทาง ไม่ต่างอะไรกับการป่าวประกาศแก่ใต้หล้าว่าเขาคือคนร้าย
ตามความเห็นนาง เป็นไปได้ว่าคนร้ายจะซ่อนตัวอยู่ในมุมอับของป่าไผ่ นางกลัวว่าจะโดนลอบทำร้าย หลังย่างเท้าเข้ามาจึงระวังป้องกันไปเสียทุกด้าน ไหนเลยจะรู้ว่าจู่ๆ กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าเสียอีก
เสียงอาวุธโลหะปะทะกันลอยมา ตวนฝูประมือกับเจ้าสิ่งนั้นแล้ว อาวุธที่เขาใช้สร้างขึ้นจากเหล็กนิลซึ่งบิดาของนางได้มาเมื่อครั้งรักษาการชายแดนเทือกเขาชงหลิ่ง ความแข็งแกร่งระดับผ่าหินตัดทอง ทำลายทุกสิ่งได้อย่างราบคาบ
เถิงอวี้อี้เบาใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ว่าคนร้ายจะมีที่มาเช่นไร ก็แทบไม่เคยเห็นตวนฝูพลาดท่ามาก่อน
ไป๋จื่อตกใจเสียขวัญพอดู โชคดีที่ไม่เผลอทำโคมไฟหลุดมือไป นายบ่าวทั้งสองเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม แสงเงาวูบไหวสาดส่องหนทางเบื้องหน้า เงาร่างคนผู้หนึ่งล้มฟุบอยู่บนพื้นดิน มองเห็นอย่างเลือนรางว่าเป็นสตรี
เถิงอวี้อี้หยิบกระบี่หยกมรกตออกจากแขนเสื้อ ขณะเตรียมจะวิ่งออกไปเศษเสี้ยวสติสัมปชัญญะที่เหลือก็เหนี่ยวรั้งเอาไว้ นางหยุดชะงักลงแล้วสั่งไป๋จื่อชูโคมไฟขึ้นสูง “ส่องดูว่าคนผู้นั้นเป็นใครกัน”
ไป๋จื่อส่องโคมไฟด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น “หงหนู?”
หงหนูใบหน้าซีดอมเทา แต่เคราะห์ดีที่ยังมีลมหายใจ เถิงอวี้อี้ย่อกายลงตรวจดูพลางเอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า “พี่สาวข้าเล่า”
หงหนูไอโขลกอย่างแรงแล้วลืมตาขึ้น สีหน้าเลื่อนลอยไปชั่วขณะ ก่อนตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก “คุณหนู! คุณหนูของข้า!”