เถิงอวี้อี้รู้สึกแสบจมูกขอบตาร้อนผ่าว ภาพที่เห็นเป็นดวงหน้างามพริ้มเพราที่มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ไม่ใช่ใบหน้าบวมฉุสีเทาคล้ำและไร้ลมหายใจเหมือนเช่นที่นางเคยเห็นหลังเร่งเดินทางมาจากเมืองหยางโจว
ตลอดหลายวันระหว่างที่เถิงอวี้อี้ติดอยู่บนเรือจากเมืองหยางโจวมายังเมืองฉางอัน นางเฝ้าวางแผนอยู่ทั้งวันทั้งคืนว่าจะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นอย่างไร ยามนี้พอเห็นญาติผู้พี่ยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้นางรู้สึกราวกับรอดชีวิตจากภัยพิบัติมาได้
ตู้ฮูหยินใบหน้าซีดขาว รีบร้อนผลักไสสาวใช้แล้วก้าวออกมาข้างหน้า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
เถิงอวี้อี้ได้กลิ่นเครื่องหอมอันคุ้นเคยจากอาภรณ์ของท่านป้า ในลำคอตีบตันคล้ายมีก้อนปุยฝ้ายมาอุดไว้ พอเงยหน้าขึ้นกลับเอ่ยตอบอย่างเยือกเย็น “ข้ากับพี่สาวนัดมาเดินเที่ยวเล่นกันตรงนี้ ไม่คิดว่าจะเจอกับปีศาจร้ายเข้าเจ้าค่ะ”
ญาติผู้พี่ออกจากอารามด้วยเหตุผลใด ทุกวันนี้ยังเป็นปริศนาสำหรับนาง รอบข้างมีคนไม่เกี่ยวข้องมากเกินไปจึงต้องห่วงหน้าพะวงหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตู้ฮูหยินขบคิดถึงสถานการณ์อย่างรวดเร็ว มองเห็นบุตรสาวคนหนึ่งที่หมดสติ ส่วน ‘บุตรสาว’ อีกคนก็เสียขวัญไม่น้อย นางรู้สึกกลัวจนตัวสั่นขึ้นมาทันที รีบโอบร่างพวกนางเข้าสู่อ้อมกอด
“เด็กดี ไม่ต้องกลัวนะ” นางกวาดสายตามองโดยรอบด้วยความหวาดผวา ก่อนสั่งกำชับบ่าวไพร่ “รีบแบกร่างคุณหนูใหญ่ขึ้นรถม้า เร่งกลับเข้าเมืองไปหาหมอ”
เถิงอวี้อี้ยังอาลัยอาวรณ์อ้อมกอดของท่านป้า ทว่าจนใจที่เวลานี้ยังมีเรื่องรอให้จัดการอีกมาก นางลุกขึ้นตรวจดูอาการบาดเจ็บของตวนฝู มองเห็นแค่ตั้งแต่หัวไหล่ข้างขวาลงไป ท่อนแขนเป็นแผลเหวอะหวะไปหมด
ตวนฝูยังคงปิดปากเงียบสนิท เถิงอวี้อี้ร้อนใจจนทนไม่ไหว สั่งคนบังคับรถม้ามาประคองตวนฝูเอาไว้
“บนรถมียาสมานแผล ไปห้ามเลือดก่อนค่อยว่ากัน”
พอเดินออกจากป่าวางร่างตู้ถิงหลันบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว ขณะกำลังรอยกร่างหงหนูกับไป๋จื่อขึ้นรถไปด้วย ก็เห็นกีบเท้าม้าตะกุยฝุ่นฟุ้งตลบไปในอากาศ กลุ่มบ่าวไพร่ที่จากไปเมื่อครู่ย้อนกลับมา ด้านหลังยังมีคนจากวังหลวงสวมชุดสีเหลืองอ่อนตามหลังมาด้วย
คนกลุ่มนี้วิ่งมาหยุดตรงหน้าอย่างว่องไว “ใคร่ถามว่าใช่รถม้าของจวนแม่ทัพเถิงหรือไม่ ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามของฉุนอันจวิ้นอ๋อง ตอนนี้จวิ้นอ๋องได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว คิดป้องกันไม่ให้มีผู้เคราะห์ร้ายเพิ่มอีกจึงให้พวกเรารีบมาปิดตายป่าไผ่แห่งนี้ขอรับ”
“ฉุนอันจวิ้นอ๋องหรือ” ตู้ฮูหยินเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้น นางสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าริมฝีปากบุตรสาวเป็นสีดำคล้ำ ตอนนี้กำลังร้อนอกร้อนใจอย่างยิ่ง
“ไม่ใช่แค่พวกท่าน แต่รถม้าของต่งหมิงฝู่แห่งอำเภอวั่นเหนียนที่ผ่านที่นี่ไปก็โดนโจมตี ถูกเจ้าปีศาจนั่นทำร้ายบาดเจ็บเช่นกัน หมอทั่วไปไม่อาจรักษา เผอิญว่าคืนนี้ท่านนักพรตก็มาหาความสำราญริมสระฉวี่เจียงด้วย จวิ้นอ๋องไปเชิญท่านนักพรตแล้ว อีกทั้งสั่งให้พวกข้าน้อยส่งคนที่ได้รับบาดเจ็บไปหอจื่ออวิ๋นขอรับ”
หัวใจเถิงอวี้อี้พลันสั่นสะท้านวูบหนึ่ง นางกุมมือตู้ฮูหยินไว้แน่นพลางว่า “ท่านป้า รีบทำตามที่คนในวังบอก ให้คนรีบยกร่างหงหนูกับไป๋จื่อขึ้นรถม้าเถอะเจ้าค่ะ”
ลมหายใจของญาติผู้พี่เบาบางเหมือนจะหลุดลอยไปได้ทุกเมื่อ ใบหน้าตวนฝูก็ปกคลุมด้วยไอพิษสีดำ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเกี่ยวข้องกับปีศาจตนนั้น ถ้าหากไม่รีบรักษาโดยเร็วที่สุดคงจบชีวิตเพียงชั่วข้ามคืน
ถ้าหากเถิงอวี้อี้คาดเดาไม่ผิด นักพรตที่สามารถเข้าออกหอจื่ออวิ๋นได้อย่างอิสระจะต้องเป็นนักพรตชิงซวีจื่อผู้มีนิสัยแปลกประหลาดแต่ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันว่าเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณแน่
คนผู้นี้วิชาเต๋าสูงส่งล้ำเลิศ ทั่วหล้านับเป็นหนึ่งไม่มีสอง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 ก.ค. 66 เวลา 12.00 น.