“จดหมายสองฉบับนี้ล้วนมาจากมือของเจ้า หลูจ้าวอัน ฉบับหนึ่งเจ้าเขียนตอนอยู่ที่หยางโจว วันเวลาคือเทศกาลชิงหมิงเมื่อปีก่อน อีกฉบับหนึ่งเจ้าเขียนหลังมาถึงฉางอันแล้ว วันเวลาคือปลายเดือนสอง แม้การเขียนจดหมายสองฉบับจะทิ้งช่วงห่างกันเกือบสองปี กลับมีจุดที่เหมือนกันอย่างประหลาดอย่างหนึ่งคือรอยน้ำมันลักษณะเดียวกันสองจุดบนจดหมาย ท่านอาจารย์ตาของข้าตรวจสอบดูแล้วยืนยันได้ว่าเป็นร่องรอยที่มาจากเมือกของหนอนกู่ชนิดหนึ่ง ท่านอาจารย์ตา ขอเชิญท่านบอกสักหน่อยว่านี่คือกู่ชนิดใด”
“กู่คะนึงหา” สายตายามนักพรตชิงซวีจื่อมองหลูจ้าวอันประหนึ่งกำลังมองคูน้ำเน่าเหม็น “กู่ชนิดนี้สามารถสะกดจิตใจคนได้ เป็นกลอุบายต่ำช้าที่สุด หายสาบสูญไปนานหลายปีมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าพื้นที่แถบเจียงหนานยังมีคนลอบใช้วิชากู่ชนิดนี้ทำร้ายคน บังเอิญว่าในปีนั้นอาจารย์ตาเคยจัดการกับกู่ชนิดนี้มาก่อน ดังนั้นมองปราดเดียวก็จำได้แล้ว”
ลิ่นเฉิงโย่วเหลือบมองหลูจ้าวอัน “เข้าใจแล้วใช่หรือไม่ เหยื่อทั้งสองคนมีความกล้าหาญน่ายกย่อง หลังจากรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวก็เป็นฝ่ายมาให้ปากคำที่ศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้วันหน้าเจ้าไปทำร้ายใครได้อีก มาวันนี้พยานหลักฐานพร้อมมูล รอเพียงนำเจ้ามาลงโทษตามกฎหมายแล้ว นอกจากนี้ยายเฒ่าหวังเพราะต้องการรั้งตัวเจ้าไว้ใช้งานจึงเก็บจดหมายที่เจ้าเขียนเองกับมือไว้หลายฉบับ…”
ระหว่างพูดคุยกันอยู่นี้องครักษ์วังหลวงที่มีวรยุทธ์สูงส่งสองสามคนก็มัดร่างหลูจ้าวอันอย่างแน่นหนา
หลูจ้าวอันดั่งถูกละเลงหน้าด้วยฝุ่นดิน สีหน้าย่ำแย่ยิ่งกว่าคนตาย ปากยังถูกเศษผ้าอุดไว้จึงพูดอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องมองลิ่นเฉิงโย่วเขม็ง
ลิ่นเฉิงโย่วหัวเราะเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อมีหลักฐานแล้ว เพราะอะไรยังต้องฟังเจ้าเล่นลิ้นแก้ต่างไร้สาระ แน่นอน ย่อมอยากดูว่าเจ้ายังเล่นตลกอะไรได้อีกน่ะสิ ทำคดีมาตั้งนานเพียงนี้ เห็นนักโทษใจคอโหดเหี้ยมจนชินตา แต่คนที่หนังหน้าหนาอย่างเจ้านี้พบเห็นมาไม่มากจริงๆ นั่นล่ะ ยิ่งเจ้าเสแสร้งแกล้งทำเท่าไร ทุกคนยิ่งรู้ว่าเจ้าจอมปลอมมากเท่านั้น เอาตัวไป!”
เหล่าองครักษ์กำลังจะใช้เศษผ้าอุดปากอู่ฉี่เช่นกัน จู่ๆ นางกลับส่งเสียงร้องห้าม “ช้าก่อน!”
นางเหลียวมององค์รัชทายาทอย่างอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเอ่ยอย่างเลื่อนลอยว่า “มาถึงตอนนี้ข้ามีเพียงคำถามเดียว สาเหตุที่ข้าแอบเล่นงานตู้ถิงหลันเป็นเพราะในคืนเทศกาลอวี้ฝอวันนั้นมองเห็นองค์รัชทายาทกับนางเดินเที่ยวด้วยกัน เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด ก่อนจะลงมือจริงๆ ข้าเคยฉวยโอกาสตอนสหายหลายคนไปเล่นสนุกกันที่ห้องตู้ถิงหลันแอบหยิบกระดาษคัดบทกวีของนางมาสองแผ่น แต่จนกระทั่งข้าคืนกระดาษกลับไปนางก็ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด นี่หมายความว่านางไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ แต่เพราะอะไรคืนนั้นนางถึงได้สังเกตเห็นเร็วนักว่ากระดาษคัดบทกวีหายไปสองแผ่น หากไม่ใช่เพราะนางไปร้องทุกข์ทันการณ์พวกเจ้าก็คงไม่อาจคลำแตงตามเถาสืบสาวไปจนถึงตัวยายเฒ่าหวังและค้นหาหลักฐานมาได้ตั้งมากมาย”
ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มบางๆ “คงบอกไม่ได้”
อู่ฉี่มองไปทางตู้ถิงหลันกับเถิงอวี้อี้ที่อยู่ในงานอย่างไม่ยินยอม ทันใดนั้นคล้ายตระหนักถึงบางอย่าง “ข้าเข้าใจแล้ว หรือว่าในห้องจะ…”