ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 62
“เมื่อคืนอยู่ๆ เจ้าก็สั่งซิ่งเอ๋อร์ให้ไปหาเหยี่ยวกระดาษมา พี่สาวรู้สึกว่าผิดปกติแล้ว หลายครั้งก่อนเวลาไปเดินเล่นรับฤดูใบไม้ผลิไม่เคยเห็นเจ้าอยากเล่นเหยี่ยวกระดาษ เหตุใดพอบอกว่าจะมาอารามนักพรตหญิงอวี้เจินเจ้าก็นึกอยากเล่นขึ้นมา เมื่อครู่ยังหาข้ออ้างว่ามาห้องสุขา ลอบหลบมาอยู่ที่นี่ผู้เดียว ในใจคิดอะไรอยู่ นึกว่าพี่สาวไม่รู้หรือไร จำได้ว่าทุกครั้งที่พวกท่านพ่อพูดถึงเรื่องในฉางอันเจ้ามักจะเลียบๆ เคียงๆ ถามข่าวเกี่ยวกับฉุนอันจวิ้นอ๋องอยู่เป็นประจำ ครั้งก่อนที่คฤหาสน์เล่อเต้าเจ้ายังลอบให้คนมอบของให้ฉุนอันจวิ้นอ๋อง เจ้าบอกพี่มา ตกลงว่าเจ้าเริ่มมีใจให้จวิ้นอ๋องตั้งแต่เมื่อใด”
เผิงจิ่นซิ่วอึกอักอยู่ชั่วครู่ แล้วพาลโกรธเคืองขึ้นมาทันใด “เหตุใดแม้แต่เรื่องนี้พี่สาวก็เข้ามาก้าวก่ายด้วยเล่า ข้าโตแล้วนะ จะตัดสินใจเองไม่ได้เลยใช่หรือไม่”
เผิงฮวาเยวี่ยกล่าวตัดบทน้องสาว “คนอื่นได้ทั้งนั้น ยกเว้นจวิ้นอ๋องผู้เดียวที่ไม่ได้”
“เพราะเหตุใดกัน” เผิงจิ่นซิ่วทั้งตกใจทั้งโมโห “จวิ้นอ๋องเขา…เขาเป็นถึงคนที่สง่างามดุจเทพเซียน ทั่วแผ่นดินไม่รู้ว่ามีเด็กสาวสักกี่คนอยากแต่งงานกับเขา พี่สาวยังจำได้หรือไม่ว่าสามปีก่อนพวกเรากับท่านพ่อและท่านแม่กลับมาฉางอันบังเอิญพบกับจวิ้นอ๋องหน้าประตูเหยียนซิง เวลานั้นย่างเข้าช่วงหนาวเหน็บที่สุดของฤดูกาล เกล็ดหิมะใหญ่เท่าขนห่านโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า จวิ้นอ๋องสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์นั่งอยู่บนหลังม้า เพิ่งกลับมาจากแถบชานเมืองพร้อมด้วยบ่าวไพร่ผู้ติดตาม พอได้ยินท่านพ่อส่งเสียงเรียกจวิ้นอ๋องก็ชักสายบังเหียนม้าหันหน้ากลับมา หลังจากครั้งนั้นข้าก็…บอกตามตรงแล้วกัน ข้าก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ชาตินี้ข้าจะต้องแต่งงานกับจวิ้นอ๋องผู้เดียวเท่านั้น”
เผิงฮวาเยวี่ยหลุดหัวเราะคิกออกมาประเดี๋ยวนั้น “เจ้าเพิ่งอายุเท่าไรกัน พูดจาเช่นนี้ไม่กลัวใครเขาหัวเราะเยาะเอาหรือ ขอเตือนเจ้าเอาไว้ อย่าเสียเวลาไปเปล่าๆ เลย ท่านพ่อท่านแม่ไม่มีวันยอมให้เจ้าแต่งงานกับจวิ้นอ๋องหรอก”
“เพราะเหตุใดกันเล่า!” เผิงจิ่นซิ่วแผดเสียงแหลมดังกว่าเก่า
“เบาๆ สักหน่อย เจ้าก็มัวสนใจแต่เล่นสนุกทั้งวัน ไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้จริงหรือ”
“ข้าไม่เข้าใจ! ข้ารู้เพียงว่าจวิ้นอ๋องเปี่ยมคุณธรรมมากความสามารถ ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยเห็นบุรุษผู้ใดดีไปกว่าเขาแล้ว ข้า…ข้าแค่กลัวว่าจวิ้นอ๋องจะไม่ชายตาแลข้า”
“เจ้าลองคิดดูนะ จวิ้นอ๋องปีนี้อายุยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองปี เหตุใดที่ผ่านมาถึงไม่เคยตกลงหมั้นหมาย อย่าลืมสิ มารดาผู้ให้กำเนิดจวิ้นอ๋องจากไปเมื่อห้าปีก่อน เขาไม่จำเป็นต้องไว้ทุกข์* ต่อมาตั้งนานแล้ว”
เถิงอวี้อี้เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ครั้งก่อนพอท่านป้าเอ่ยถึงเรื่องนี้สีหน้าท่าทางดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร น่าเสียดายนางไม่ทันถามให้ได้กระจ่าง ท่านป้าก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอย่างแนบเนียน
เผิงจิ่นซิ่วเอ่ยถาม “จวิ้นอ๋องไม่ยอมตกลงหมั้นหมายส่งเดช เรื่องนี้ไม่ถูกต้องตรงที่ใดกัน นี่ไม่เท่ากับพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคนจริงใจไม่เห็นแก่ผลประโยชน์หรือ”
เสียงฝีเท้าหลังกำแพงดังขึ้นกะทันหัน คนหนึ่งในนั้นดูท่าจะเดินจากไป
“พี่สาว ท่านห้ามไปนะ! วันนี้ไม่พูดออกมาให้รู้เรื่อง ท่านอย่าคิดจะไปที่ใดเลย”
เสียงฝีเท้าหยุดชะงักลงอีกครั้ง ก่อนเสียงถอนหายใจของเผิงฮวาเยวี่ยจะดังขึ้น “ช่างเถอะ ข้าจะพูดกับเจ้าให้เข้าใจเอง เผื่อต่อไปเจ้าจะได้ไม่ทำเรื่องเลอะเลือนอะไรอีก เจ้าคงรู้จักชุยซื่อมารดาผู้ให้กำเนิดจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่ ตอนยังมีชีวิตอยู่นางถูกกักบริเวณอยู่หลายปีเลยเชียว พระชายาของชินอ๋องผู้ทรงเกียรติผู้หนึ่งตกต่ำถึงขั้นนี้ได้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด”
“ก็แค่ชุยซื่อทำเรื่องไม่ดีไม่งามอะไรไว้น่ะสิ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับจวิ้นอ๋องด้วยเล่า”
“ก่อนเกิดเรื่องชุยซื่อเคยร่วมมือกับชายคนรักที่บ้านเดิมของตนเองวางแผนทำร้ายบุตรชายคนโตของหลันอ๋องผู้เฒ่า เรื่องนี้ก็แล้วไปเถอะ ได้ยินว่าตอนนั้นพอท่านอ๋องตรวจสอบดูพบว่าที่แท้ก่อนชุยซื่อจะให้กำเนิดจวิ้นอ๋องก็ติดต่อไปมาหาสู่กับชายคนรักแล้ว…หลันอ๋องผู้เฒ่าลำเอียงรักบุตรชายคนรองหมิ่นหลางหรือฉุนอันจวิ้นอ๋องในตอนนี้มากกว่า เรื่องนี้ผู้คนทั่วฉางอันต่างรู้กันดี ผลปรากฏว่าหลังชุยซื่อเกิดเรื่อง หลันอ๋องผู้เฒ่าก็เย็นชาต่อจวิ้นอ๋องขึ้นมาก ทุกคนต่างพูดกันว่าจวิ้นอ๋องอาจจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของหลันอ๋องผู้เฒ่า…”
ข้างใบหูเถิงอวี้อี้มีเสียงลั่นอื้ออึง
“ท่านพูดจาเหลวไหล!” เห็นได้ชัดว่าเผิงจิ่นซิ่วก็ตกตะลึง
“ได้ ข้าพูดจาเหลวไหล แต่เจ้าลองคิดดู เวลาขุนนางใหญ่ผู้มีอำนาจในเมืองหลวงเลือกคู่ครองให้บุตรสาว เพราะเหตุใดกลับไม่เคยนึกถึงจวิ้นอ๋อง มุขมนตรีเจิ้งยอมเลือกหลูจิ้นซื่อที่มาจากครอบครัวยากจนข้นแค้น ไม่เคยแสดงท่าทีอยากเกี่ยวดองกับวังจวิ้นอ๋อง ว่ากันตามหลักแล้วจวิ้นอ๋องฐานะสูงส่ง อีกทั้งถึงวัยมีคู่ครองแล้ว พูดไปพูดมาก็เป็นเพราะทุกคนยังคลางแคลงใจกับเรื่องในอดีต หลายปีมานี้เฉิงอ๋องสองสามีภรรยากับฝ่าบาทก็ดีต่อจวิ้นอ๋องดุจญาติสนิทร่วมสายเลือด ฝ่าบาทถึงขั้นรีบพระราชทานวังและเขตศักดินาให้จวิ้นอ๋องแต่เนิ่นๆ เพื่อสยบข่าวลือพวกนั้น แต่ทรงทำถึงเพียงนี้แล้วก็ยังปัดเป่าความสงสัยของผู้คนไปไม่ได้อยู่ดี”
หลังกำแพงเงียบเสียงลงไปประเดี๋ยวหนึ่ง เมื่อเผิงจิ่นซิ่วเอ่ยปากอีกครั้งน้ำเสียงก็เจือแววสั่นไหว “น่าขำ! น่าขำสิ้นดี! คนพวกนี้เสียสติไปแล้วหรือไร คำพูดเลื่อนลอยพรรค์นี้ยังกล้าลือกันส่งเดช จะว่าไปแม้แต่ฝ่าบาทกับเฉิงอ๋องยังไม่เชื่อข่าวลือ ไยข้าต้องเชื่อด้วยเล่า”