“เฮ้อ…‘คำคนหลอมละลายโลหะได้ ข่าวลือชวนให้หวาดหวั่น’ ถึงแม้ข่าวลือจะสกปรกโสมมอย่างที่สุด แต่กลับเป็นอาวุธทำร้ายคนได้เจ็บปวดที่สุดใต้หล้านี้ เจ้าลองดูเอาเถอะ นี่ไม่ใช่เพราะพระราชอำนาจยังปิดปากคนไม่ได้หรือ มิหนำซ้ำข่าวลือนี้ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้เสียทั้งหมด เจ้าดูหน้าตาของจวิ้นอ๋องสิ ไม่เหมือนกับลิ่นเซี่ยวพี่ชายคนโตของเขาสักนิดเลยใช่หรือไม่”
“บางทีจวิ้นอ๋องอาจหน้าตาคล้ายมารดาก็ได้กระมัง พี่สาว เหตุใดท่านไม่ดูตนเองบ้าง ข้ากับท่านแม้จะเป็นฝาแฝดกัน หน้าตายังไม่เหมือนกันไปเสียทุกส่วนเลย!”
“เจ้าจะตะโกนใส่ข้าไปเพื่ออะไร พี่สาวพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าไม่ใช่เพราะหวังดีกับเจ้าหรือ เจ้ารอดูไปเถอะ อีกไม่กี่วันสำนักศึกษาจะเปิดอีกครั้งแล้ว ในบรรดาบุตรหลานเชื้อพระวงศ์คนที่อายุมากที่สุดคือจวิ้นอ๋อง พอล่วงเลยมาจนปีนี้องค์รัชทายาทกับเฉิงอ๋องซื่อจื่อก็เข้าสู่วัยมีคู่ครองแล้วด้วยซ้ำ ถึงเวลาเจ้ามองดูศิษย์หญิงพวกนั้นในสำนักศึกษา โดยเฉพาะพวกที่ฐานะตระกูลรุ่งโรจน์สักหน่อย ใครต่อใครก็หมายตาเพียงองค์รัชทายาทกับเฉิงอ๋องซื่อจื่อกันหมดใช่หรือไม่เล่า ส่วนสาเหตุของเรื่องนี้เจ้าก็คิดอยู่ที่นี่ต่อไปเองแล้วกัน!”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอีกครั้ง ที่สำคัญยังชัดเจนว่าทั้งรวดเร็วและร้อนรน ดูท่าคราวนี้เผิงฮวาเยวี่ยเดินจากไปแล้วจริงๆ เผิงจิ่นซิ่วยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนราวกับแง่งอนใครอยู่ ผ่านไปพักหนึ่งในที่สุดก็กระทืบเท้าอย่างอดไม่ไหว รีบร้อนจากไปเช่นกัน
เถิงอวี้อี้มั่นใจแล้วว่าโดยรอบไม่มีใครอื่น จึงเดินออกมาจากด้านหลังภูเขาจำลองเงียบๆ นึกในใจว่าป่านนี้พี่สาวคงกำลังตามหานางอยู่ แต่เป็นไปได้ว่าถูกตวนฝูขัดขวางเอาไว้ นางจึงรีบเดินย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิม ทว่าบทสนทนาเหล่านั้นของพี่น้องสกุลเผิงยังคงลอยมาเข้าหัวมาเป็นระยะ
ที่แท้ฉุนอันจวิ้นอ๋องต้องแบกรับข่าวลือเลวร้ายปานนั้นเอาไว้…จำได้ว่าชาติก่อนจวิ้นอ๋องไม่เคยหมั้นหมายกับผู้ใด หรือว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
นางไม่เคยรู้จักกับเฉิงอ๋องลิ่นเซี่ยวมาก่อน แต่ดูจากท่าทีของลิ่นเฉิงโย่วเขาไม่เก็บข่าวลือนี้มาใส่ใจอย่างเห็นได้ชัด มิฉะนั้นไม่มีทางใกล้ชิดสนิทสนมกับฉุนอันจวิ้นอ๋องถึงเพียงนี้แน่ ทั้งยังเรียกขานว่า ‘ท่านอา’ ติดปากอยู่ตลอด
ถึงกระนั้นจากบทสนทนาของสองพี่น้องสกุลเผิงเมื่อครู่ เผิงฮวาเยวี่ยเพียรเกลี้ยกล่อมน้องสาวให้ตัดใจจากจวิ้นอ๋องไปเสีย ทว่าก็เผยความตั้งใจของตนอยู่กลายๆ ว่าต้องการแต่งงานกับองค์รัชทายาทหรือเฉิงอ๋องซื่อจื่อเท่านั้นออกมา สองสาวพี่น้องเร่งรีบวางแผนเรื่องการแต่งงานเช่นนี้ ดูท่าคงไม่รู้แน่ชัดว่าบิดาตนเองเตรียมลงมือก่อกบฏ
เถิงอวี้อี้ใคร่ครวญขณะเดินอ้อมภูเขาจำลอง ก่อนจะเห็นตู้ถิงหลันที่กำลังมองหาไปทั่วอยู่หน้าเรือนหลังเล็กอย่างร้อนรนตามที่คาดการณ์ไว้
เถิงอวี้อี้กลัวว่าจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกเคลือบแคลงใจ นางเจตนาวนอ้อมบันไดหินที่มีสายน้ำรายล้อมไป สุดท้ายเดินทะลุผ่านพุ่มดอกไม้ เร่งฝีเท้าเดินไปหาตู้ถิงหลัน
ตู้ถิงหลันถอนหายใจโล่งอก “เจ้าไปที่ใดมา ข้าอยากไปตามหาเจ้า กลับเห็นตวนฝูอยู่ทางโน้นหันมาขยิบตาให้ข้า”
“ข้าอยากรู้เรื่องกลไกในอาราม จึงเดินไปสำรวจทางนั้นสักหน่อย” เถิงอวี้อี้คล้องแขนตู้ถิงหลันไว้ ก่อนลดเสียงลงกระซิบบอกว่า “บังเอิญไปพบสองพี่น้องสกุลเผิงโต้เถียงกันอยู่”
ตู้ถิงหลันก็อยากรู้บ้าง “พวกนางสองคนโต้เถียงเรื่องใดกันอยู่หรือ”
“ความจริงก็ไม่ได้โต้เถียงดุเดือดอะไร เพียงมีปากเสียงกันไม่กี่คำเท่านั้น” ข่าวลือเหลือทนเหล่านั้นนางคร้านจะเอามาเผยแพร่ต่อ
ตู้ถิงหลันไม่ชอบสืบเสาะเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่คิดจะซักถามรายละเอียดต่อ เพียงเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วเอ่ยว่า “ใกล้ถึงยามอู่แล้ว เมื่อครู่ข้าเห็นนักพรตหญิงหลายคนยกกล่องอาหารเดินตรงไปทางห้องโถงอวิ๋นฮุ่ย คิดว่าคงจะเริ่มกินอาหารกันในไม่ช้านี้แล้ว…”
พวกนางเพิ่งจะกลับมาถึงป่าท้อ พวกหลี่ไหวกู้กับอู่ฉี่พลันเดินออกมาจากในป่า มองเห็นพวกนางก็ยิ้มทัก “กำลังตามหาพวกเจ้าสองคนอยู่พอดี ใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว อาหารเจที่อารามนักพรตหญิงอวี้เจินเป็นที่หนึ่งในฉางอัน หากพวกเจ้ายังไม่กลับมา ระวังพวกเราจัดการสุราอาหารบนโต๊ะหมดเกลี้ยงไปก่อนเล่า เอ๊ะ คุณหนูใหญ่เผิงกับคุณหนูรองเผิงเล่า”
เถิงอวี้อี้แปลกใจเล็กน้อย เผิงฮวาเยวี่ยกับเผิงจิ่นซิ่วเดินกลับมาเร็วกว่านางเสียอีก ตามหลักสมควรกลับมาถึงป่าท้อนานแล้ว
“หรือว่าจะไปชมทิวทัศน์ตรงมุมอื่นแล้ว”
อู่ฉี่ไม่เก็บมาใส่ใจนัก “ข้าจะให้สาวใช้ออกไปตามหาดู”
คุณหนูทั้งหลายเดินไปด้วยกันเป็นกลุ่ม คุยเล่นกันระหว่างเดินกลับไปห้องโถงอวิ๋นฮุ่ย ไหนเลยจะคาดคิดว่าเดินไปได้ไม่ไกล จู่ๆ บนท้องฟ้าก็สว่างวาบ ทุกคนไม่ทันตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เหนือศีรษะก็มีเสียงคำรามลั่นกึกก้อง
เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหวจนน่าตกใจ ประหนึ่งสั่นสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณคนได้ในพริบตา คุณหนูผู้มีนิสัยขลาดกลัวหลายคนตกใจกรีดร้องเสียงแหลม ส่วนคนอื่นที่เหลือแม้ไม่ได้ส่งเสียงสักคำแต่สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
ตู้ถิงหลันหวาดกลัวจนดึงเถิงอวี้อี้มาอยู่ข้างกายตนเอง เถิงอวี้อี้จ้องมองท้องฟ้าไม่ละสายตา