ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 7-8
ในสมองปีศาจเฒ่าเกิดเสียงลั่นดังอื้ออึง นางรวบรวมปราณพิฆาตทั่วร่างเตรียมโต้ตอบกลับไป แต่พลังประหลาดสายนี้แตกต่างจากอาคมที่เคยพบเจออย่างมาก มันแฝงไว้ด้วยปราณพิสุทธิ์ทรงอำนาจอย่างไม่สิ้นสุด ไม่เหลือช่องว่างให้นางหลบหนีได้เลย สุดท้ายพลังมหาศาลก็กระแทกใส่ศีรษะนางเข้าอย่างจัง
ร่างกายปีศาจเฒ่าโค้งงอและแข็งทื่อกลางอากาศ จิตวิญญาณราวกับโดนบดขยี้จนแหลกละเอียดเป็นผุยผง นางพยายามเงยหน้าขึ้นแล้วมองตรงไปกลับมองเห็นแค่มังกรไฟเหาะเหินวนเวียนอยู่ในลานกว้าง เหล่าปีศาจร้ายส่วนใหญ่ถูกพัวพันไว้ หากมิได้กรีดร้องโหยหวน ก็ถูกเผามอดไหม้เป็นเถ้าถ่านในชั่วอึดใจเดียว
สายลมยามราตรีพัดพาเสียงท่องคาถาทุ้มต่ำลอยมา ช่างดังกังวานและมีจังหวะจะโคน ฟังแล้วไพเราะรื่นหูดั่งธารน้ำใส พอวิเคราะห์ดูให้ดีปรากฏว่าเป็นเสียงของลิ่นเฉิงโย่วนี่เอง
“ร่างกายจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียว ข้าคือผู้ควบคุมภูตผีปีศาจ”
“ทำลาย…”
ลูกตาปีศาจเฒ่าปูดโปนออกมาเล็กน้อย ยังไม่ทันดิ้นรนขัดขืน รัศมีสว่างจ้าดุจแสงสะท้อนของหิมะสายหนึ่งพุ่งแสกหน้านางเต็มแรง
ปีศาจเฒ่าหลุดครางเสียงต่ำอย่างเจ็บปวดรวดร้าว พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แสงสะท้อนหิมะกลับเลื้อยพันไล่ขึ้นไปด้านบนแล้วรัดแน่นหนาราวกับงูวิเศษ
ลิ่นเฉิงโย่วยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ สุ้มเสียงยามท่องคาถาดังก้องกังวานไปทุกขณะ ปีศาจเฒ่าเนื้อตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ จากใบหน้าจนถึงลำคอแต่ละชุ่นล้วนเผยให้เห็นผิวเปลือกไม้สีดำอมน้ำตาลลวดลายขดหงิกงอเป็นวง เส้นผมยาวสยายประบ่ากลับกลายเป็นกิ่งไม้ไปอย่างช้าๆ
พอเห็นว่าพลังที่สั่งสมมานานนับร้อยๆ ปีจะถูกทำลายลงในคราวเดียว ปีศาจเฒ่าจะสำนึกขึ้นมาได้ก็สายเกินไปแล้ว นางจึงร้องไห้ครวญครางด้วยความเสียใจ
น้ำเสียงของนางน่าสมเพชเวทนา ดูเหมือนโศกเศร้าเกินกว่าจะระงับความเจ็บปวดได้ ลิ่นเฉิงโย่วกลับนิ่งเฉยไม่แยแส นักพรตน้อยกับองครักษ์กลับรู้สึกสงสารนางขึ้นมา ความเสียใจที่เก็บไว้มีมากมายเท่าใด คล้ายกับโดนเสียงร่ำไห้นี้ดึงออกมาทีละเรื่อง
ลิ่นเฉิงโย่วลอบสบถด่าในใจ จนป่านนี้แล้วยังคิดจะเล่นลูกไม้ ปลดปล่อยปราณพิฆาตในร่างมาก่อกวนจิตใจคน ผู้ที่ไม่ทันระวังตนมักจะจมดิ่งและถลำลึกถึงกระดูกโดยไม่รู้ตัว
เขาสลัดแผ่นยันต์บนไม้สยบมารออกแล้วโบกสะบัดแขนเสื้อกระชากไม้สยบมารขึ้นมา ปีศาจเฒ่าถูกตีจนสั่นระริกไปทั้งตัว เสียงร่ำไห้หยุดชะงักลงโดยพลัน
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อโคลงศีรษะเล็กน้อย ได้สติกลับคืนมาทันใด
ลิ่นเฉิงโย่วกลับเข้าไปใจกลางค่ายกล ลากปีศาจเฒ่าที่สูญสิ้นพลังมาอยู่ตรงหน้า ก่อนยิ้มแย้มพลางถามว่า
“เล่นลูกไม้หลอกล่อถึงเพียงนี้ เป็นเพราะอยากให้ข้าปล่อยเจ้าไปสักครั้งใช่หรือไม่”
ดวงตาปีศาจเฒ่ากลอกหมุน ก่อนพยักหน้ารับสุดชีวิตทั้งที่ยังตัวสั่นไม่หาย
“เจ้าตอบคำถามหลายข้อของข้ามาเสียดีๆ หากตอบมาตามตรงข้าอาจคิดดูว่าจะไม่ทำให้เจ้ากลับคืนร่างเดิม”
ปีศาจเฒ่าส่งเสียงฮือตอบรับ ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
“หลายเดือนก่อนเจ้ายังเป็นเพียงปีศาจต้นไม้ตรงเชิงเขาหลี่เฉวียน นอกจากจะกลายเป็นมารไม่ได้ ฝีมือก็ยังธรรมดาสามัญ นับตั้งแต่เจ้าแฝงกายเข้าฉางอันมา ตลอดสามเดือนมานี้สังหารสตรีไปสิบกว่านาง ผู้ใดเป็นคนชี้แนะให้เจ้าฝึกวิชามาร และผู้ใดกันสอนเคล็ดวิชาช่วงชิงร่างมนุษย์ให้เจ้า คืนนี้เจ้าเร้นกายอยู่ที่ป่าไผ่ริมน้ำเป็นเพราะว่ามีคนรอเจ้าอยู่ที่นั่น หรือไปเพื่อทำเรื่องชั่วๆ อย่างเดียวกันแน่”
ปีศาจเฒ่ามีสีหน้าซับซ้อน ลังเลเพียงชั่วประเดี๋ยวก็ชี้ไปที่ลำคอตนเอง
ลิ่นเฉิงโย่วดีดนิ้วครั้งเดียว ปีศาจเฒ่าก็ส่งเสียงไอโขลกออกมาหลายคำ แล้วตอบคำถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“จะว่าไปทั้งหมดล้วนเป็นเพราะโชคชะตา ไม่เคยมีใครชี้แนะมาก่อน ข้าเพียรฝึกฝนตนเองอย่างหนักอยู่บนเขา คืนนั้นเจอกับพายุฝนฟ้าคะนองจนต้องเข้าไปหลบภัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง กลับโชคร้ายเจอภูเขาถล่มจนติดอยู่ในถ้ำหลายเดือน มองวิถีสวรรค์ออกปรุโปร่งโดยบังเอิญ วิชาช่วงชิงร่างมนุษย์ก็เรียนรู้ได้เอง คืนนี้ไปที่ป่าไผ่นั่นก็เพราะไม่อยากทนใช้พลังตนเองต่อชีวิตให้ฮูหยินอันกั๋วกงทุกวันๆ แล้ว อยากจะเปลี่ยนไปใช้ร่างหญิงงามที่สดใหม่กว่าก็เท่านั้น”
ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มรับพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย แขนเสื้อคลุมโบกสะบัด เปลวเพลิงบนร่างปีศาจเฒ่าลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ช่องว่างของกระดูกแต่ละชิ้นราวกับมีมดทะลักเข้าไปนับหมื่นตัว สร้างความเจ็บปวดแก่ผู้ถูกกระทำจนแทบอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไป
ปีศาจเฒ่าร้องโหยหวนอย่างทรมาน “ถ้าซื่อจื่อไม่เชื่อ ไปค้นหาตรงหลังเขาหลี่เฉวียนด้วยตนเองก็ได้ ภูเขาที่ข้าอาศัยอยู่ไม่เคยมีผู้ใดมาเยี่ยมเยียนเป็นพันปีแล้ว ตอนนี้กลายเป็นเขารกร้างไม่มีสัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่สักตัว”
ลิ่นเฉิงโย่วก็ช่างใจไม้ไส้ระกำเหลือเกิน ไม่เพียงเขาจะไม่สั่งหยุดมือ ยังส่งสัญญาณให้เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อเร่งท่องคาถา
ปีศาจเฒ่าไม่อาจแบกรับความอัปยศได้จึงส่งเสียงแหลมสูงด่ากราด “ลิ่นเฉิงโย่ว! เจ้าคนถ่อย ตกลงกันว่าตอบคำถามแล้วจะปล่อยข้าไป จะผิดคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของนาง แผ่นยันต์ก็กลายเป็นมังกรไฟไต่ขึ้นไปบนขาของปีศาจเฒ่า คราวนี้แม้กระทั่งร่างกายท่อนล่างก็พลอยกลายเป็นรากไม้ไปด้วย
ลิ่นเฉิงโย่วเผยรอยยิ้มอันแสนโหดร้าย “เจ้าทำร้ายชีวิตใครต่อใครมากมาย ยังหวังว่าจะรอดไปดีๆ อีกรึ ข้าให้โอกาสเจ้าไม่มาก เจ้าอย่าได้คิดเล่นลูกไม้อะไรอีก บอกกับข้ามาตามตรง คนที่ชี้แนะเจ้าผู้นั้นเป็นใครกันแน่”