ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 7-8 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 7-8

นักพรตน้อยสองคนที่มัวร้องไห้กระซิกๆ กลับกระโดดตัวลอย เลิกชายเสื้อคลุมนักพรตวิ่งในลานกว้างว่องไวดุจเหินบิน หลังวิ่งตัดกลับกันไปมา ชั่วอึดใจก็เปลี่ยนรูปแบบค่ายกลไปแล้ว

ปีศาจเฒ่ารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีจึงท่องคาถาเสียงดังด้วยความร้อนรน เถาวัลย์ใต้ฝ่าเท้าได้ยินเสียงเรียกขาน ก็พุ่งพรวดขึ้นสูงหลายฉื่อมาพันสองเท้าของนางไว้ ขณะที่นางจะสั่งให้พวกมันลากตนเองกลับเข้าค่ายกล คิดไม่ถึงว่าพริบตาเดียวจะมีรัศมีสีทองสองสายแผ่ออกมาจากด้านหลังของนักพรตน้อย รัศมีเจิดจ้านั้นเข้าเกี่ยวพันกันก่อนจะลอยวนเวียนขึ้นไปด้านบน พอสัมผัสกับตาข่ายทองคำผานหลัวบนท้องฟ้า รัศมีสีทองสองสายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ปีศาจเฒ่ารับรู้เพียงว่ามีพลังมหาศาลจู่โจมมาจากใต้ฝ่าเท้า นางยังไม่ทันกระโดดกลับเข้าไปใจกลางค่ายกล ก็โดนดีดกระเด็นออกไปไกลแล้ว

ปีศาจเฒ่าร่วงหล่นบนชายคาเรือนอย่างลนลาน กว่าจะชะลอความเร็วลงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พอนางเงยหน้าขึ้นอย่างลำบาก ก็เห็นลิ่นเฉิงโย่วยืนมองด้วยสีหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้มอยู่บนยอดไม้ห่างออกไปไม่ไกล

“เจ้าขวางข้าไม่ให้ดูดปราณพิฆาตได้ แต่จะขวางไม่ให้ข้ากลายเป็นมารได้หรือ”

ปีศาจเฒ่ากัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ลิ่นเฉิงโย่วพยายามหลอกล่อนางออกจากค่ายกลทุกวิถีทาง นักพรตน้อยรับผิดชอบปิดตายทางหนีของนาง ช่างน่าชิงชังนัก นางโดนลิ่นเฉิงโย่วหลอกจนหัวหมุนไปหมด ไม่รู้ว่าพวกเขาสามคนลอบส่งข่าวกันใต้จมูกนางตั้งแต่เมื่อไร

ลิ่นเฉิงโย่วไม่ต่อปากต่อคำกับปีศาจเฒ่าอีก เขาโยนกระบี่หยกมรกตให้องครักษ์ที่รออยู่ข้างล่างโดยตรง

“คืนให้คุณหนูเถิง” จากนั้นกระโดดลงจากยอดไม้ “ลงมือ เปลี่ยนเป็นค่ายกลเทพเสวียนเทียน”

นักพรตน้อยขานรับเสียงกังวาน “ขอรับ”

เถิงอวี้อี้รับกระบี่หยกมรกตคืนมา ก่อนหันกลับไปจูงมือตู้ฮูหยินวิ่งหนีต่อ หลอกปีศาจเฒ่าออกมาได้สำเร็จแล้ว หลังจากนี้คงจัดการทุกอย่างได้ง่ายขึ้น

ปีศาจเฒ่ามองเห็นชัดภายใต้แสงจันทร์ ตรงคอเสื้อแบบกลมสีขาวดั่งหิมะของลิ่นเฉิงโย่วมีแต่รอยเลือดเป็นด่างดวง เดิมทีเขาได้รับบาดเจ็บภายในอยู่แล้ว เมื่อครู่ยังเค้นกำลังภายในทั้งหมดเพื่อกระชากนางออกมา ยามนี้เรี่ยวแรงเสื่อมถอยเต็มที คงฝืนทนไปได้ไม่นานหรอก

พอปีศาจเฒ่าเห็นว่าเถิงอวี้อี้จะวิ่งหนี ก็เปลี่ยนความคิดในชั่วอึดใจ นางทิ้งลิ่นเฉิงโย่วไว้แล้วเปลี่ยนไปไล่ล่าเถิงอวี้อี้

เถิงอวี้อี้วิ่งหนีว่องไวทีเดียว ไม่กี่อึดใจก็วิ่งมาถึงหน้าประตู

ปีศาจเฒ่าวิ่งเร็วรี่เลียบแนวกระเบื้องชายคา คืนนี้นางไล่ตามมาถึงหอจื่ออวิ๋นนอกจากเพื่อแก้แค้นบาดแผลจากกระบี่นั้น ยังเป็นเพราะอวัยวะตันทั้งห้าของฮูหยินอันกั๋วกงสูญเสียลมปราณไปมาก แทนที่จะสิ้นเปลืองพลังของตนเองต่อชีวิตให้ร่างกายที่อ่อนแอ ไม่สู้ไปหารูปลักษณ์ของหญิงงามที่สดใหม่เสียดีกว่า

คุณหนูแซ่เถิงผู้นี้ผิวกายขาวเนียนงามผุดผาด แม้ว่าเรือนร่างจะอวบอิ่มไม่เท่าฮูหยินอันกั๋วกงแต่มีกิริยานวยนาดเฉกเช่นเด็กสาวเพิ่มขึ้นมา นางตกตะลึงกับรูปโฉมเถิงอวี้อี้อย่างยิ่งจึงเกิดความคิดเช่นนี้มาแต่แรก

แต่เรื่องน่าประหลาดใจก็คือทั้งที่รู้ว่านางกำลังไล่ล่าเถิงอวี้อี้ สามคนข้างหลังกลับไม่ขัดขวางนาง

ได้ยินนักพรตน้อยเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ จะใช้ค่ายกลนี้จริงหรือขอรับ”

“ค่ายกลก็ตั้งเสร็จแล้ว ยังจะพล่ามอะไรอีก”

“แต่ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้ ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ ค่ายกลเทพเสวียนเทียนจะต้องใช้ร่างกายของหนุ่มพรหมจรรย์มาควบคุมค่ายกล…ไม่อย่างนั้นนอกจากจะเชื่อมโยงถึงสวรรค์ไม่ได้แล้ว ยังส่งผลเสียถึงคนตั้งค่ายกลด้วย”

“…”

นักพรตน้อยอีกคนยังเอ่ยอย่างกังวลว่า “ค่ายกลนี้ถึงจะร้ายกาจเพียงใด แต่หากศิษย์พี่ไม่ใช่…ก็อย่าฝืนเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ใช้ค่ายกลอื่นจับปีศาจเฒ่าก่อน รอไว้คุมตัวมันกลับอารามชิงอวิ๋นค่อยตั้งค่ายกลสะกดปีศาจก็ได้”

ปีศาจต้นไม้ลอบหัวเราะในใจ

สมกับเป็นเด็กน้อยที่จิตใจยังอ่อนเยาว์ อยู่ต่อหน้าคุณชายเจ้าสำราญอย่างลิ่นเฉิงโย่วยังถามคำถามโง่เขลาอย่างนี้ออกมาได้

ดูท่าค่ายกลนี้คงจะตั้งไม่ได้แล้วกระมัง หึๆ

นางยิ่งวางใจมากขึ้นไปอีก

ทุกคนหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง เถิงอวี้อี้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว วิ่งออกไปนอกเรือนที่พักแห่งนี้ก่อนใคร ปีศาจเฒ่ารู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างน่าประหลาด ไล่ตามอย่างไม่ลดละไปตลอดทาง

เถิงอวี้อี้ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง วิ่งหนีไปพลางตะโกนด่าทอผ่านกำแพงว่า “นางปีศาจ! เจ้าใกล้ถึงที่ตายแล้วยังคิดทำร้ายผู้อื่นอีก เจ้าลองดูสิว่าคนข้างหลังเจ้าเป็นผู้ใด”

ปีศาจเฒ่าตอบสวนกลับทันที “เจ้ายังหวังว่าลิ่นเฉิงโย่วจะมาช่วยอีกรึ เขาโดนข้าทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ป่านนี้ยังเอาตนเองไม่รอดเลย”

เถิงอวี้อี้หัวเราะเย้ยหยัน “ข้าไม่คาดหวังให้ใครมาช่วยทั้งนั้น แต่หากเจ้าไม่กลัวถูกข้าตัดกรงเล็บซ้ายขาดตามไปอีกข้าง ก็ลองเข้ามาได้เลย”

ปีศาจเฒ่านึกถึงว่าเมื่อครู่เถิงอวี้อี้กับลิ่นเฉิงโย่วร่วมมือกันล่อนางออกจากค่ายกลเช่นไร ก็โกรธแค้นจนกัดฟันกรอดแล้วพังกำแพงตรงหน้าอย่างเดือดดาล นางโน้มร่างออกไปหมายจะจับเถิงอวี้อี้ จู่ๆ สัมผัสได้ว่ามีสายลมแปลกประหลาดพุ่งโจมตีแผ่นหลัง มันพัดมาแผ่วเบาและเชื่องช้าราวกับปุยฝ้าย

ลางสังหรณ์เลวร้ายผุดขึ้นในใจปีศาจเฒ่า นางจะหันหน้าไปมองดูให้ชัดเจน พลังประหลาดนั่นกลับพุ่งพรวดขึ้นอย่างกะทันหันประหนึ่งกองทัพเกรียงไกรตีกลองลั่นฆ้องรวมพล ชักธงรบนับพันพร้อมด้วยกำลังทหาร ถาโถมกดทับเหนือศีรษะนางรุนแรงปานผลักขุนเขาคว่ำทะเล

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com