ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 88.1-88.2
ฉู่จิ่นเหยาเสียดาย แต่ก็วางใจยิ่ง “ยังดีที่พี่เขยย้ายมาเมืองหลวงแล้ว ต่อไปพวกเราก็จะได้พบหน้ากันบ่อยครั้ง จริงด้วย พี่หญิงใหญ่ ที่ผ่านมาท่านสบายดีหรือไม่”
ฉู่จิ่นเสียนรู้ว่าฉู่จิ่นเหยากำลังจะถามอะไร นางลำบากเรื่องการมีทายาทจริงๆ สองปีเต็มกว่าจะตั้งครรภ์ หากมิใช่มีท่านยายคอยดูแล อีกทั้งฉู่จิ่นเหยาก็แต่งงานกับรัชทายาท เกรงว่าฉู่จิ่นเสียนคงลำบากในบ้านสามีแล้ว ฉู่จิ่นเสียนถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยตอบ
“พูดเรื่องเหล่านี้ไปจะมีความหมายอะไร ตอนนี้หม่อมฉันสบายดี ไม่มีอะไรต้องห่วง”
ก็จริง คนเราควรมองไปข้างหน้า ฉู่จิ่นเหยาไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องชวนเสียใจของพี่สาว จึงเปลี่ยนเรื่องไปถามเรื่องเด็กอย่างตื่นเต้น พอพูดถึงเรื่องนี้ฉู่จิ่นเสียนที่เฉยชามาแต่ไหนแต่ไรก็มีเรื่องมากมายให้พูดเช่นกัน
“…ครรภ์นี้ของหม่อมฉันได้มาอย่างยากลำบาก ต้องดื่มยาถึงหนึ่งปีเต็มกว่าจะตั้งครรภ์ หม่อมฉันมีภาวะกายเย็นแต่กำเนิด ช่วงที่เพิ่งตั้งครรภ์สภาพครรภ์ไม่มั่นคง สามเดือนแรกยังไม่กล้าลงจากเตียง…แต่พอพ้นช่วงที่ลำบากที่สุดมาได้ก็สบายแล้ว บัดนี้เขาอายุมากแล้ว ไม่ทรมานหม่อมฉันอีกต่อไป ความอยากอาหารของหม่อมฉันกลับเพิ่มขึ้นมากด้วยซ้ำ”
ฉู่จิ่นเหยาฟังคำบอกเล่าสั้นๆ นี้แล้วก็รู้สึกทอดถอนใจ นางรู้เพียงว่าฉู่จิ่นเสียนตั้งครรภ์ไม่ง่าย คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะร้ายแรงเพียงนี้ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ในช่วงปีที่ฉู่จิ่นเสียนดื่มยา จวนฉางซิงโหวได้ย้ายมาเมืองหลวงพอดี ฉู่จิ่นเสียนอยู่ที่เมืองไท่หยวนคนเดียว ไม่รู้ว่าอดทนผ่านมาได้อย่างไร
อีกทั้งเวลานั้นฉู่จิ่นเหยากำลังเตรียมตัวแต่งงาน นางเองก็มิได้เป็นอิสระ ถึงกับไม่รับรู้ข่าวคราวของฉู่จิ่นเสียนสักนิด ฉู่จิ่นเหยาละอายใจอยู่บ้าง แต่วันนี้เป็นวันมงคล นางไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้ให้คนเศร้าเสียใจ จึงแสร้งพูดอย่างปลาบปลื้ม
“ไม่เป็นไร ล้วนกล่าวกันว่าความขมขื่นสิ้นสุดความหวานชื่นจะตามมา หลานทรมานคนเก่งเพียงนี้ วันข้างหน้าจะต้องเป็นเด็กชายที่สดใสร่าเริงแน่นอน”
ฉู่จิ่นเสียนก็ยิ้มแล้วเช่นกัน พวกนางสองคนล้วนไม่พูดถึงว่าหากเป็นบุตรสาวจะทำอย่างไร อันที่จริงฉู่จิ่นเหยามิได้ใส่ใจว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากเป็นเด็กหญิงจะต้องเหมือนพี่หญิงใหญ่เป็นแน่ ฉู่จิ่นเหยาชื่นชอบยิ่งกว่าเสียอีก ทว่าทายาทเป็นดั่งดาบเหนือศีรษะสตรี ครรภ์นี้ของฉู่จิ่นเสียนได้มายากลำบากเพียงนี้ ฉู่จิ่นเหยาหวังจากใจจริงว่าอีกฝ่ายจะได้บุตรชายในครั้งเดียว
ฉู่จิ่นเสียนพอคาดเดาความคิดของฉู่จิ่นเหยาได้บ้าง สำหรับตัวนางเองแล้วอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น จึงกลายเป็นฝ่ายปลอบใจฉู่จิ่นเหยาแทน
“หม่อมฉันไม่เป็นไร สกุลจ้าวไม่มีใครกล้าโหดร้ายกับหม่อมฉัน มิหนำซ้ำพี่เขยของพระองค์ก็เข้าใจในความยากลำบากของหม่อมฉัน หาได้รีบเร่งรับอนุเพื่อจะมีทายาทไม่ การที่ครอบครัวย้ายมาเมืองหลวงมีแต่จะเพิ่มความมั่นใจให้หม่อมฉัน ไฉนเลยจะมีใครไม่ดูตาม้าตาเรือถึงขั้นไม่ให้เกียรติเพราะตระกูลเดิมของหม่อมฉันไม่ได้อยู่ในท้องถิ่นแล้ว ทุกคนมีชีวิตที่ดีมีแต่จะช่วยเพิ่มความมีหน้ามีตาให้หม่อมฉัน กลับเป็นหม่อมฉันเสียอีกที่ไม่สามารถมาส่งพระองค์ออกเรือนได้ อีกทั้งไม่สามารถได้เปิดหูเปิดตากับพิธีอภิเษกสมรสของราชวงศ์ น่าเสียดายโดยแท้”
สองพี่น้องอภัยให้กัน บอกเล่าปมในใจตลอดหนึ่งปีมานี้จนเข้าใจ หัวใจยิ่งใกล้ชิดกันกว่าเดิม ฉู่จิ่นเสียนพูดเรื่องบุตรได้ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ถามถึงเรื่องของฉู่จิ่นเหยา
“พระองค์เล่า ช่วงที่ผ่านมาทรงเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉู่จิ่นเหยามองเห็นความวิตกกังวลในดวงตาของฉู่จิ่นเสียนก็กระจ่างแจ้งดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงนางจากใจจริง แต่ก็กลัวว่าจะพูดแทงใจดำนาง ฉู่จิ่นเหยายิ้มเล็กน้อย กุมมือฉู่จิ่นเสียนพลางเอ่ยตอบ
“ข้าก็สบายดีเช่นกัน”
ฉู่จิ่นเสียนถามเสียงเบา “มีข่าวดีหรือยัง”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ฉู่จิ่นเหยาก็มีท่าทีหดหู่ นางส่ายหน้าน้อยๆ ฉู่จิ่นเสียนเห็นแล้วก็ถอนหายใจอย่างวิตก
“หม่อมฉันมีภาวะกายเย็นมดลูกเย็นแต่กำเนิด ตั้งครรภ์ไม่ง่าย พระองค์คงมิได้เป็นเหมือนกันกระมัง”
ฉู่จิ่นเหยาไม่รู้จริงๆ เดิมทีนางคิดว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน นางกับฉินอี๋อายุยังน้อย มีอะไรต้องรีบร้อนกัน แต่คนข้างกายแต่ละคนล้วนกังวลแทบทนไม่ไหวกับเรื่องที่นางยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ฉู่จิ่นเหยาจึงค่อยๆ เริ่มร้อนใจขึ้นมา
แต่การตั้งครรภ์มิใช่เรื่องที่แค่พูดก็จะสำเร็จ ปกติแล้วภรรยาเอกตั้งครรภ์ยากเป็นเพราะสามีไม่มาค้างคืนด้วย แต่สำหรับฉู่จิ่นเหยาแล้วมิใช่ด้วยสาเหตุนี้เป็นอันขาด เห็นได้จากความกระตือรือร้นของฉินอี๋ จ้าวซื่อมีบุตรยาก บัดนี้ฉู่จิ่นเสียนก็เป็นเช่นเดียวกัน หรือนี่จะเป็นปัญหาที่สุขภาพร่างกายของพวกนางแม่ลูก
ในใจฉู่จิ่นเหยารู้สึกหดหู่อยู่บ้าง ฉู่จิ่นเสียนเห็นแล้วก็เอ่ยปลอบเสียงอ่อน “ไม่เป็นไร แม้ผู้มีภาวะกายเย็นจะตั้งครรภ์ยาก แต่ในบรรดาสตรีผู้มีภาวะนี้มีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่หนักเบาไม่เท่ากันเท่านั้นเอง ข้าจะให้ตำรับยาบำรุงเจ้าสองสามขนาน ยามปกติเจ้าก็ระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน ค่อยๆ บำรุงรักษาไปย่อมมีได้เอง”
ฉู่จิ่นเหยาได้แต่ทำตามนี้แล้ว เรื่องจดจำตำรับยาบำรุงย่อมไม่ต้องถึงมือฉู่จิ่นเสียนและฉู่จิ่นเหยา สาวใช้ใหญ่ของพวกนางสองคนขยับไปแลกเปลี่ยนกันอยู่ด้านข้างอย่างคล่องแคล่วนานแล้ว ฉู่จิ่นเหยาเริ่มพูดเรื่องจวนฉางซิงโหวกับฉู่จิ่นเสียนต่อ แม้ฉู่จิ่นเสียนจะพูดน้อย แต่ก็ตั้งใจฟัง ขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึกทึกมาจากทิศทางห้องโถงงานเลี้ยง ฉู่จิ่นเหยากับฉู่จิ่นเสียนต่างเงยหน้า หลิงหลงก็เดินมารายงานพอดี
“พระชายา องค์หญิงใหญ่หรงอันกับคุณหนูรองจ้าวมาถึงแล้วเพคะ”
เป็นจ้าวหลันฮุยนั่นเอง
Comments
