บทที่ 89.1 ปรากฏการณ์ประหลาดในวัง
เสี่ยวฉีฮองเฮาตื่นตัวขึ้นทันที “ว่าอย่างไร”
“ช่วงนี้ชายารัชทายาทพูดน้อยจริงๆ เวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยสนใจอะไร หงหมัวมัวพูดเหมือนกับที่สายลับบอก เห็นทีจะเชื่อถือได้เพคะ”
“อ้อ?” เสี่ยวฉีฮองเฮาคาดไม่ถึงอยู่บ้าง นางนึกว่าฉู่จิ่นเหยากำลังแสร้งทำตัวไร้เดียงสา แต่หูตาในที่ลับกลับส่งข่าวมาเช่นนี้ นางจึงถามต่อไป “นางกำนัลสี่คนนั้นเล่า”
“ล้วนปรนนิบัติรับใช้ตามปกติ มิได้ถูกกีดกันออกไปเพคะ”
เสี่ยวฉีฮองเฮาแปลกใจ “ในเมื่อได้พบหน้ารัชทายาทแล้ว เหตุใดยังไม่ถูกรับตัวให้ปรนนิบัติอีก”
หลันอวี้ก้มหน้าไม่พูดอะไร เสี่ยวฉีฮองเฮาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จนได้ข้อสรุปหนึ่งออกมา
“ต้องเป็นเพราะพวกนางเป็นคนที่ข้าส่งไปอย่างเปิดเผยเป็นแน่ รัชทายาทถึงได้ไม่ยอมเรียกใช้ ช่างเถิด พวกนางสี่คนล้วนเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้ว ส่งนางกำนัลหน้าใหม่เยาว์วัยไปตำหนักบูรพาอย่างเงียบๆ อีกสองสามคน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแทรกคนไปไว้ข้างหมอนของรัชทายาทให้จงได้”
“ฮองเฮาทรงพระปรีชา”
เสี่ยวฉีฮองเฮารู้ดีถึงความสำคัญของการเป่าหู ดังนั้นยามจะเล่นงานผู้อื่นจึงหนีไม่พ้นที่จะใช้ความคิดนี้ เสี่ยวฉีฮองเฮาคิดว่าตนเองเข้าใจบุรุษเป็นอย่างดี ขอเพียงมีสตรีหน้าใหม่เยาว์วัยล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า ไม่ว่างดงามหรืออัปลักษณ์ อย่างไรเสียพวกเขาย่อมอยากจะลิ้มลอง ฮ่องเต้มิใช่เป็นตัวอย่างที่เห็นกันอยู่หรือไร เสี่ยวฉีฮองเฮาไม่อยากปล่อยให้ฉินอี๋เพิ่มพูนอำนาจ จึงไม่เคยเอ่ยปากเรื่องเลือกอนุจากขุนนางใหญ่ให้ฉินอี๋ ในราชสำนักมีคนเสนอ เสี่ยวฉีฮองเฮาก็พยายามเป่าหูให้ฮ่องเต้ล้มเลิกความคิดนี้ ตำหนักบูรพาก็เหมือนกับตำหนักใน ไฉเหรินและเสวี่ยนซื่อล้วนมีตำแหน่ง มากกว่าครึ่งล้วนเป็นสตรีบริสุทธิ์ผุดผ่องจากตระกูลขุนนาง เสี่ยวฉีฮองเฮาไม่อนุญาตเป็นอันขาด
หลันอวี้เห็นเสี่ยวฉีฮองเฮายังมีท่าทางวิตกกังวลจึงเกลี้ยกล่อมว่า “ฮองเฮา สายลับกับหงหมัวมัวพูดเหมือนกัน ชายารัชทายาทเป็นคนไม่มีประสบการณ์จริงๆ ถึงคนพรรค์นี้จะฉลาดอยู่หลายส่วน แต่มีหรือจะปิดบังฮองเฮาได้ ฮองเฮาคงทรงคิดมากเกินไปแล้วเพคะ”
เสี่ยวฉีฮองเฮาไม่อยากยอมรับเช่นกันว่าก่อนหน้านี้ตนเองถูกแม่นางน้อยผู้หนึ่งหลอกลวง มิหนำซ้ำบัดนี้นางก็กำลังหยั่งเชิงความจริงเท็จของฉู่จิ่นเหยาอยู่ หลันอวี้ถือดีในประสบการณ์ของตนเองจึงมีความคิดดูถูกแม่นางน้อยที่ไร้ภูมิหลังไร้ประสบการณ์อย่างฉู่จิ่นเหยาโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวฉีฮองเฮาได้ยินแล้วก็โคลงศีรษะด้วยความขบขัน
“จะจริงหรือเท็จแล้วอย่างไร ไม่ว่าก่อนหน้านี้นางจะซ่อนเร้นข้อบกพร่องแสร้งทำตัวอ่อนแอหรือไม่ นางก็เป็นแค่ชายารัชทายาท”
“ฮองเฮา…”
“เพราะฉะนั้นไยต้องมัวหมกมุ่นกับความจริงความเท็จด้วยเล่า ยอมสังหารคนผิดนับพันดีกว่าปล่อยให้คนผู้เดียวรอดไปได้” เสี่ยวฉีฮองเฮายิ้มพลางลูบเล็บมือตนเอง แสงอาทิตย์ส่องกระทบบนเล็บสีชาดที่ตัดแต่งอย่างเอาใจใส่จนรู้สึกแสบตา
หลังฉู่จิ่นเหยากลับมา นางก็ได้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตำหนักของตนเองอย่างรวดเร็ว ฉู่จิ่นเหยาจึงยั้งทัพคอยดูสถานการณ์ ทั้งยังสั่งให้คนจับตาดูไว้แล้ว สายลับของฮองเฮาเป็นใครนางรู้ดีแก่ใจ เสี่ยวฉีฮองเฮาไม่อยากให้ตำหนักบูรพาเพิ่มพูนอำนาจ จึงไม่เคยเสนอเรื่องเลือกอนุจากตระกูลขุนนางใหญ่ ซึ่งก็ตรงกับใจของฉู่จิ่นเหยาพอดี ขอเพียงตำหนักบูรพาไม่มีบุตรสาวขุนนางใหญ่ที่มีตำแหน่งเข้ามา พวกนางกำนัลตัวเล็กๆ ฉู่จิ่นเหยาหาได้เห็นอยู่ในสายตาไม่ ฐานะของชายารัชทายาทกับนางกำนัลในวังห่างชั้นกันมาก ภายใต้การสั่งการของนาง แค่เอ่อร์เสวี่ยก็เพียงพอจะรับมือนางกำนัลที่ไม่เจียมตนได้แล้ว