“ฮูหยินทั้งสองล้อเล่นแล้ว” ฉู่จิ่นเหยายิ้มพลางบอกปัดประเด็นนี้ นางไม่รู้สึกว่ามีอะไร ทว่าแม้ฮูหยินคนอื่นๆ จะประจบประแจง แต่อันที่จริงล้วนมีคำพูดในใจทั้งสิ้น มีคำกล่าวที่ว่าแต่งภรรยาให้แต่งสตรีที่มีคุณธรรม รับอนุให้รับสตรีที่โฉมงาม ท่าทีที่ผู้มีบรรดาศักดิ์ส่วนใหญ่มีต่อฮูหยินผู้เป็นภรรยาเอกล้วนห่างเหินและให้เกียรติ กับอนุต่างหากถึงจะมีความสนิทชิดเชื้อเช่นบุรุษสตรี รัชทายาทแต่งงานกับชายารัชทายาทมาหลายเดือนแล้ว อยู่ข้างนอกยังคงทำเหมือนคู่แต่งงานใหม่ ฮูหยินทั้งหลายเห็นแล้วให้รู้สึกฝาดเฝื่อนในใจอยู่บ้างโดยไม่รู้ตัว
คนทั้งหลายเอ่ยอย่างล้อเล่นจริงบ้างเท็จบ้าง ขณะที่พวกนางกำลังพูดอยู่ ฮองเฮาก็มาถึงแล้ว
พอฮองเฮามาถึง ไม่นานนักงานเลี้ยงก็จะเริ่มต้นขึ้น ผ่านไปไม่นานนักขันทีผู้หนึ่งก็วิ่งมาจากตำหนักทางทิศตะวันตกอย่างที่คาดไว้ เขากระซิบข้างหูเสี่ยวฉีฮองเฮาคำเดียว เสี่ยวฉีฮองเฮาก็ยกมือกล่าวขึ้น
“เริ่มงานเลี้ยงได้”
งานเลี้ยงของสตรีมีบทเพลงและระบำช่วยเสริมบรรยากาศเช่นกัน แต่บทเพลงและระบำเหล่านี้เป็นการแสดงที่เน้นความสง่างามตามฉบับในวัง งามก็งามอยู่ แต่ดูนานๆ ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ฉู่จิ่นเหยานั่งถัดจากฮองเฮาลงมาทางฝั่งขวา ตำแหน่งที่นั่งสูงกว่าคนอื่นๆ ถัดจากฉู่จิ่นเหยาจึงจะเป็นชายาตำแหน่งขั้นสูงอย่างซูเฟยและลี่เฟย ถัดจากสนมชายาไปก็เป็นบรรดานายหญิงตราตั้งนั่งเรียงกันตามตำแหน่ง
เทียบกับบทเพลงและระบำอันแช่มช้าสง่างาม ฉู่จิ่นเหยาชอบดูสตรีเหล่านี้ในงานเลี้ยงยิ่งกว่า ลำดับที่นั่งในงานเลี้ยงพิถีพิถันอย่างยิ่ง ใครไม่ถูกกับใคร ช่วงนี้ใครโดดเด่นที่สุด ลำพังดูจากตำแหน่งที่นั่งก็มองสายสนกลในออกได้ นี่น่าสนใจกว่าการฟังบทเพลงและระบำมากนัก
ทว่าสิ่งที่ต่างไปจากที่ผ่านมาคือวันนี้เหลียนผินก็มาร่วมงานด้วย มิหนำซ้ำตำแหน่งที่นั่งเพียงถัดจากลี่เฟย นั่งร่วมตำแหน่งเดียวกับฮุ่ยเฟย เหลียนผินคือนางกำนัลที่บังเอิญถูกฉู่จิ่นเหยาชนเข้าก่อนหน้านี้ หลังถูกคน ‘จับได้’ ในวันสิ้นปี ฮ่องเต้ปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่งตั้งนางเป็นเหลียนผินทันที จากนางกำนัลตัวเล็กๆ ก้าวพรวดเดียวเป็นสนมขั้นสูง ไม่เพียงกลายเป็นหนึ่งในสนมตำแหน่งผินทั้งเก้า ตอนนี้ยังสามารถนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับฮุ่ยเฟยที่เป็นเจ้านายเก่าได้ด้วย ผู้ที่ได้โอกาสดีระดับเหลียนผินนั้นนับว่าหาได้ยาก
แน่นอนว่าถ้าเหลียนผินให้กำเนิดพระโอรสได้สำเร็จ นั่นถึงจะเป็นการพลิกฐานะกลายเป็นหงส์อย่างแท้จริง นับตั้งแต่ฮ่องเต้รู้ว่าตนเองมีบุตรที่ยังไม่ลืมตาดูโลกเพิ่มมาอีกคน เขาก็ยินดีปรีดิ์เปรม เริ่มเอ็นดูสงสารมารดาของบุตรตนไปด้วย เหลียนผินท่าทางเจ้าน้ำตา น่าสงสารเป็นหนักหนา ตรงกับนิสัยรักหยกถนอมบุปผา ของฮ่องเต้เหลือหลาย เป็นเหตุให้แม้เหลียนผินไม่อาจสนองความโปรดปรานก็ยังกลายเป็นสนมคนโปรดคนใหม่ในตำหนักในได้โดยอาศัยบุตร ความโปรดปรานที่นางได้รับเทียบเคียงได้กับลี่เฟยแล้ว
ลี่เฟยและซูเฟยที่นั่งอยู่ในงานถ้าไม่เห็นว่าตนเองสูงส่งก็เป็นที่โปรดปรานมานานแล้ว ใครจะไปยอมรับได้กับการต้องนั่งร่วมตำแหน่งกับนางกำนัลชั้นต่ำผู้หนึ่ง ส่วนทางฮุ่ยเฟยนั่นยิ่งขุ่นเคืองหนัก เมื่อก่อนเหลียนผินเป็นนางกำนัลของนาง ปกติทำได้แค่งานใช้แรงงาน ฮุ่ยเฟยไม่เคยเห็นสาวใช้พรรค์นี้อยู่ในสายตา แต่ยามนี้เหลียนผินกระโดดขึ้นมาเป็น ‘พี่น้อง’ ของนาง นั่งร่วมกันกับนาง และที่ยิ่งน่าโมโหคือได้รับความโปรดปรานมากกว่านางเสียอีก
ฮุ่ยเฟยใบหน้ากระตุกตลอดเวลางานเลี้ยง เห็นได้ชัดว่าโมโหแทบกระอักเลือดแล้ว ไฉนเลยจะยังกินอะไรลง น่าเสียดายที่แม้สนมชายาคนอื่นจะดูถูกดูแคลนเพียงไร แต่แล้วอย่างไร ใครใช้ให้เหลียนผินตั้งครรภ์เล่า หากครรภ์นี้คลอดออกมา การได้รับแต่งตั้งเป็นชายาขั้นเฟยก็เป็นเรื่องปกติมิมีสิ่งใดเกินจริงเลย
ฉู่จิ่นเหยามองอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าการดูสตรีต่อสู้กับสตรีนี้สนุกโดยแท้ นางจับตะเกียบคีบเมล็ดถั่วที่ถูกแกะสลักเป็นรูปร่างเหมือนไข่มุก ค้นพบว่าถึงจะเป็นถั่วที่ไม่สะดุดตาเม็ดหนึ่งก็ยังผ่านการต้มในน้ำแกงนกพิราบ ฉู่จิ่นเหยายังไม่ทันทอดถอนใจต่อความฟุ่มเฟือยของคนในราชวงศ์เสร็จ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพลงทอดยาวดังมาจากด้านหลัง