บทที่ 89.2 ปรากฏการณ์ประหลาดในวัง
เสียงจากที่ใด ผู้ใดกล้าร้องเพลงในเวลาเช่นนี้ ฉู่จิ่นเหยาหันไปมอง ทันใดนั้นก็เห็นบนผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไหลกระเพื่อมมีเรือประดับตกแต่งอย่างงดงามลำหนึ่งลอยมาช้าๆ ที่หัวเรือมีสตรีชุดเขียวนางหนึ่งยืนอยู่ กำลังสะบัดแขนเสื้อร่ายรำด้วยท่าทางงดงามเย้ายวน ใบหน้าแฉล้มเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่กลับยิ่งชักนำให้ผู้อื่นอยากค้นคว้า ในประทุนเรือยังมีนักดนตรีนั่งบรรเลงพิณดีดผีผาอยู่อีกสองสามคน เสียงดนตรีแว่วมาจากที่นั่น
คนที่มองไปด้านนอกเหมือนกับฉู่จิ่นเหยามีไม่น้อย แม้แต่เสี่ยวฉีฮองเฮาก็ยังถูกดึงดูดสายตา ในห้องโถงงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบจากทุกมุม ล้วนกำลังสอบถามว่าคนเหล่านี้เป็นใคร นางกำนัลที่เดิมทีร่ายรำอยู่กลางห้องโถงค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหว พวกนางมีสีหน้างุนงง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ไม่เพียงตำหนักทางทิศตะวันตก แขกบุรุษที่ตำหนักทางทิศตะวันออกก็ถูกดึงดูดความสนใจเช่นกัน ฉู่จิ่นเหยาเข้าใจสถานการณ์ดี เกรงว่านี่คงเป็น ‘ความประหลาดใจ’ ที่เหล่าขันทีเตรียมไว้ให้ฮ่องเต้กระมัง จำต้องบอกว่าขันทีคาดคะเนความต้องการได้เก่งโดยแท้ ฮ่องเต้ชอบคนงามและชอบภาพชวนฝัน นี่เป็นการแสดงที่ฮ่องเต้ต้องโปรดปรานเป็นแน่
มิผิดจากที่คาด ไม่นานนักตำหนักทางทิศตะวันออกก็มีขันทีผู้หนึ่งเดินมาตะโกนเสียงดังว่า “ร่ายรำต่อไป หากพวกเจ้าแสดงได้ดี ฝ่าบาทจะทรงตกรางวัลอย่างหนัก”
ตำหนักทางทิศตะวันออกและตะวันตกสร้างขึ้นคู่กัน เนื่องจากซีเน่ยล้อมด้วยน้ำ ตำหนักทางทิศตะวันออกและตะวันตกจึงล้วนมีด้านหนึ่งที่หันเข้าหาน้ำ บัดนี้เรือลำนี้ร่ายรำบรรเลงดนตรีมาบนผืนน้ำ ขันทีจากตำหนักทางทิศตะวันออกผู้นี้เห็นได้ชัดว่าได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ คนบนเรือสามารถได้ยินเสียงของเขาตะโกน ตำหนักทางทิศตะวันตกย่อมได้ยินชัดเจนเช่นกัน
สตรีที่หัวเรือได้ยินแล้วก็ทำความเคารพไปยังตำหนักทางทิศตะวันออกด้วยความดีใจจนควบคุมตนเองไม่อยู่ หลังลุกขึ้นยืน นางมิได้แสร้งทำมารยาอะไรอีก แต่เริ่มยืนหมุนกายอย่างฉับไวที่หัวเรือ พื้นที่ในเรือแค่เพียงเท่านี้ยังกล้าร่ายรำอย่างดุเดือดเพียงนี้ เห็นได้ว่านางถือดีในเรือนร่างและทักษะการร่ายรำของตนเองพอสมควร
ฉู่จิ่นเหยาไม่รู้ว่าตำหนักทางทิศตะวันออกยามนี้มีสภาพเป็นอย่างไร แต่ตำหนักทางทิศตะวันตกที่มีสตรีและสนมชายานั่งอยู่เต็มไปหมดนี้ สีหน้าของทุกคนล้วนไม่สู้ดี อยู่ไกลย่อมมองไม่เห็นรูปโฉมของสตรีที่หัวเรือ ทว่าลำพังเห็นเรือนร่างอ่อนช้อยนั้นก็รู้แล้วว่าต้องเป็นสตรีชั้นเลิศแน่นอน อันที่จริงฉู่จิ่นเหยาอยากดูการร่ายรำนี้ยิ่งนัก เพียงแต่นางแบกรับฐานะชายารัชทายาทอยู่ รวมถึงต้องไว้หน้าฮองเฮาไม่มากก็น้อย ดังนั้นนอกจากกวาดสายตามองเมื่อตอนเริ่มต้น จากนั้นนางก็หันกลับมามองกระเบื้องปูพื้นภายในตำหนักด้วยท่าทางสุขุมสง่างาม
เหล่าสตรีก็รู้สึกตัวเช่นกันว่าการมองข้างนอกเช่นนี้เป็นการไม่รักษากฎระเบียบมารยาท ต่างพากันเก็บสายตากลับมา เสี่ยวฉีฮองเฮามองคนทั้งหลายภายในตำหนักก็เหยียดมุมปากกล่าวยิ้มๆ
“บ่าวไพร่ในซีเน่ยมีใจแล้ว ร่ายรำบนเรือ แต่กลับมีกลิ่นอายร่ายรำบนฝ่ามือ ที่ตกทอดมาแต่โบราณอยู่พอสมควร”
ลี่เฟยหยิบผ้าเช็ดหน้าซับมุมปาก กลอกตาพูดว่า “ก็แค่การแสดงที่ประหลาดพิสดารเท่านั้นเอง”
ประหนึ่งว่าต้องการพิสูจน์คำพูดของลี่เฟย นางพูดยังไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงตบมือดังมาจากฝั่งตรงข้าม ฮ่องเต้ถึงกับพาคนออกมาชมแล้ว
ฉู่จิ่นเหยามองกระเบื้องปูพื้นต่อไป พยายามกลั้นขำไว้ ลี่เฟยราวกับถูกตบหน้าจึงสะบัดผ้าเช็ดหน้าอย่างแรงด้วยความโมโห เสี่ยวฉีฮองเฮาตวัดตามองลี่เฟยคราหนึ่งก่อนกล่าวขึ้น
“สนมชายาในตำหนักในอย่างพวกเราย่อมยึดถือฝ่าบาทเป็นอันดับแรก แบ่งเบาความกังวลจากฝ่าบาท ในเมื่อฝ่าบาทกับใต้เท้าทุกท่านออกไปชมกันแล้ว พวกเราจะยังนั่งอยู่ในนี้ได้อย่างไร หลันอวี้…”
หลันอวี้ขานรับ เสี่ยวฉีฮองเฮาก็กล่าวขึ้นอีก
“ไป พวกเราก็ออกไปชมด้วย”
เสี่ยวฉีฮองเฮาออกปาก คนอื่นๆ ย่อมตอบรับแล้วตามเสี่ยวฉีฮองเฮาออกไปด้านนอก ฉู่จิ่นเหยาลุกขึ้นเป็นคนที่สอง เดินตามหลังเสี่ยวฉีฮองเฮา เมื่อนางไปแล้วคนอื่นๆ ถึงค่อยพากันขยับตัว
จุดเด่นของอุทยานซีย่วนคือน้ำ นอกตำหนักก็สร้างระเบียงและศาลาริมน้ำไว้เช่นกัน เพื่อให้เหล่าผู้สูงศักดิ์พักผ่อนหย่อนใจริมน้ำได้สะดวก ฮองเฮาพาคนทั้งหลายมายืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ด้านนอกภาพตรงหน้าเปิดกว้าง สามารถมองเห็นสตรีร่ายรำนางนั้นบนน้ำได้ชัดเจนกว่า
พอออกมาพวกหลิงหลงก็เริ่มอารักขาเจ้านายอย่างลับๆ ห้อมล้อมปกป้องอยู่ข้างกายฉู่จิ่นเหยา ฉู่จิ่นเหยาก็มีท่าทีระแวดระวังเช่นกัน นางเป็นชายารัชทายาท ไม่มีใครกล้ายืนข้างหน้านาง ฉู่จิ่นเหยาจึงได้แต่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของระเบียง ก้าวไปข้างหน้าก็เป็นน้ำแล้ว