ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 48.1-48.3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 48.1-48.3

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 48.1 สหายร่วมเรียนแห่งจวนจวิ้นอ๋อง

ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ดูจะคาดไม่ถึงอย่างมาก “คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าหรือ”

“เจ้าค่ะ!”

ฉู่จิ่นเหยาอดหันหน้าไปสบตาฉู่จิ่นเสียนไม่ได้ จากนั้นก็เห็นแววไม่ทันตั้งตัวจากในดวงตาของอีกฝ่าย

ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ที่อยู่ในห้องก็รับมือไม่ทันเช่นกัน ในเวลาเช่นนี้ยังไม่อาจบอกว่าฉู่จิ่นเมี่ยวกำลังจะถูกนางไล่ออกจากจวนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ไตร่ตรองพลางกล่าว

“ในเมื่อเซี่ยนจู่ถูกใจ พวกเราย่อมทำตามนั้น รออีกสองสามวันให้พวกนางเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วค่อยให้ไปเรียนเป็นเพื่อนเซี่ยนจู่”

ในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อพรรค์นี้ยังมีใครพูดเรื่องฉู่จิ่นเมี่ยวจะไปปฏิบัติธรรมที่อารามอีกเล่า

วิกฤตที่กำลังจะถูกไล่ไปอยู่อารามของฉู่จิ่นเมี่ยวก็คลี่คลายลงด้วยประการฉะนี้

เมื่อฉู่จิ่นเมี่ยวออกมาจากในเรือนตนเอง นางได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ไม่เห็นสภาพห่อเหี่ยวซึมเซาเช่นเมื่อไม่กี่วันก่อนแม้แต่น้อย ดวงตาของนางยังบวมอยู่บ้าง คิดว่าไม่กี่วันนี้คงร้องไห้มาโดยตลอด แต่ยามนี้สีหน้าของนางดูเย่อหยิ่งอย่างยิ่ง

“มีคำกล่าวที่ว่าป๋อเล่อรู้จักการดูลักษณะม้า และก็มีคำกล่าวอีกว่าเล่ห์กลหมดสิ้นกลายเป็นว่างเปล่า คนบางคนนั้นพยายามใช้สารพัดอุบายหมายจะโค่นล้มข้า น่าเสียดายที่สุดท้ายยังคงคว้าน้ำเหลว สวรรค์มีตาแท้ๆ”

ฉู่จิ่นเมี่ยวพูดประโยคนี้ต่อหน้าพี่สาวน้องสาวทุกคน น้ำเสียงทั้งได้ใจและโอหัง คุณหนูสามลอบกลอกตา คุณหนูหกสีหน้าเรียบเฉยประหนึ่งภิกษุชราเข้าฌาน ส่วนฉู่จิ่นเหยาก็จดจ่ออยู่กับตนเอง ทำเหมือนไม่ได้ยินโดยสิ้นเชิง

หากสวรรค์มีตาจริงๆ คงไม่ปล่อยให้เจ้ากระโดดโลดเต้นเช่นนี้ต่อไป ฉู่จิ่นเหยาคิดในใจอย่างไม่สบอารมณ์

 

เมื่อพ้นวันที่สิบห้า บรรยากาศช่วงปีใหม่ค่อยๆ เลือนหายไป หิมะบนถนนละลายแล้ว ฉางซิงโหวกับจ้าวซื่อจะนั่งรถม้าไปเยี่ยมเยียนจวนจวิ้นอ๋องด้วยตนเอง พร้อมทั้งพาฉู่จิ่นเหยากับฉู่จิ่นเมี่ยวไปด้วย

ครั้งนี้ฉู่จิ่นเหยาจะพักที่จวนจวิ้นอ๋องเป็นเวลาเดือนเศษ จากนั้นจะไปพักที่จวนตนเองสองสามวันแล้วกลับมาที่จวนจวิ้นอ๋องใหม่ ฉู่จิ่นเหยาไม่รู้เช่นกันว่าวันเวลาที่ต้องวิ่งกลับไปกลับมาเช่นนี้จะดำเนินไปถึงเมื่อใด แต่ก็พอจะสามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากทั้งสองที่ล้วนมีที่พักของนาง แต่บรรดาเสื้อผ้า เครื่องประดับ และสาวใช้ของนางมิอาจนำไปด้วยทั้งหมด อย่างไรก็ต้องทิ้งไว้เผื่อใช้จำนวนหนึ่ง และเนื่องด้วยหลายปัจจัยฉู่จิ่นเหยาออกไปข้างนอกครานี้ผู้ที่ติดตามข้างกายย่อมต้องมีความสามารถและคล่องแคล่ว ทว่าในเรือนจะไม่มีใครอยู่เฝ้าก็มิได้ หลังฉู่จิ่นเหยาไตร่ตรองแล้วจึงตัดสินใจพากงหมัวมัว หลิงหลง และเจี๋ยเกิ่งไปด้วย โดยทิ้งติงเซียงผู้ซื่อสัตย์ไว้เฝ้าเรือน

ก่อนเดินทางฉู่จิ่นเหยาตรวจดูคลังส่วนตัวในปีกเรือนทางทิศตะวันตกรอบแล้วรอบเล่า เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดพลาดก็ลั่นกุญแจประตูโดยทิ้งลูกกุญแจปีกเรือนทางทิศตะวันตกไว้ให้ติงเซียงดอกหนึ่ง ส่วนที่เหลือนางนำติดตัวไปด้วยทั้งหมด แม้ติงเซียงจะมีลูกกุญแจปีกเรือน แต่หีบข้างในลั่นกุญแจไว้อีกชั้น ฉู่จิ่นเหยาจึงไม่กลัวว่าจะมีใครวางอุบาย ทิ้งลูกกุญแจให้ติงเซียงก็เพียงเผื่อไว้เท่านั้น

ฉู่จิ่นเหยา กงหมัวมัว และหลิงหลงรวบรวมเครื่องประดับเสื้อผ้าที่ใช้ประจำของตนเองลงสองหีบใหญ่ใส่รถม้าไปด้วยกัน ข้าวของที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่จวนจวิ้นอ๋องมีครบ พวกนางนำของไปมากเกินไปจะไม่น่าดู วางตัวเช่นแขกจะดีที่สุด แต่แม้จะกล่าวว่าไปเป็นแขก ทว่าถึงอย่างไรฐานะของจวนจวิ้นอ๋องก็พิเศษ ย่อมต้องเตรียมทรัพย์สินติดตัวไปให้พอ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกะทันหัน ฉู่จิ่นเหยามีเงินไม่พอ ทำขายหน้าขึ้นมาจะไม่ดี อีกทั้งก่อนเดินทางฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ได้เรียกฉู่จิ่นเหยาไปหา มอบเงินสองร้อยตำลึงให้นางเป็นการส่วนตัว เมื่อรวมกับสองร้อยตำลึงที่มอบให้อย่างเปิดเผย ลำพังแค่เงินในมือฉู่จิ่นเหยาจึงมีถึงสี่ร้อยตำลึง เงินสี่ร้อยตำลึงสามารถซื้อเรือนหลังใหญ่ในเมืองไท่หยวนได้หลังหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่มีแผนการอยู่ในใจตนเอง กลัวว่าฉู่จิ่นเหยาจะถูกคนของจวนจวิ้นอ๋องดูถูกจึงจำต้องรักษาหน้าวงศ์ตระกูลเอาไว้ก่อนล่วงหน้า

อันที่จริงตัวฉู่จิ่นเหยาเองก็มิได้ขาดแคลนเงิน แต่ละเดือนนางได้เงินปันผลเป็นพันตำลึง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉู่จิ่นเหยาจะปฏิเสธได้หรือ อย่างน้อยรายจ่ายอย่างเปิดเผยทั้งหมดหลังจากนี้ของนางล้วนต้องนับรวมอยู่ในสี่ร้อยตำลึงนี้

“คุณหนู ขนหีบไปวางเรียบร้อยแล้ว ในห้องก็เช็ดเสร็จแล้ว ท่านไปนั่งพักข้างในเถิดเจ้าค่ะ”

“อืม ก็ดี” ฉู่จิ่นเหยาลุกขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ กำลังจะเดินเข้าไปในห้องที่จวนจวิ้นอ๋องจัดไว้ให้ เรือนของนางอยู่ในสวนบุปผา ขนาดไม่นับว่าใหญ่ เป็นเรือนหลักขนาดสามห้อง ใต้ชายคามีห้องมุมหนึ่งห้อง สองฝั่งทางทิศตะวันออกและตะวันตกมีเพียงกำแพง ไม่มีปีกเรือน ทางทิศใต้มีเรือนบริวารขนาดสองห้องสำหรับให้บ่าวไพร่พักอาศัย เรือนแห่งนี้สว่างและกว้างขวางสู้เรือนเจาอวิ๋นของนางไม่ได้ แต่ยังดีที่สถานที่งดงาม เดินออกไปไม่ไกลก็เป็นสระบัว ปลูกต้นไม้บุปผาไว้เต็มรอบเรือน อีกทั้งบุปผาก็ผลิบานตลอดสี่ฤดู

ฉู่จิ่นเหยาชอบต้นฉุยซือไห่ถังสองต้นที่อยู่ในลานเรือนเป็นพิเศษ หลังเรือนยังมีต้นหลันฮวาอิ๋งต้นสูงใหญ่อีกต้น คิดว่าเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะต้องงดงามเป็นแน่แท้

นางเพิ่งมาถึงก็ชมชอบต้นไม้ไม่กี่ต้นนี้แล้ว แม้แต่ห้องก็ยังไม่สนใจจะเข้าไปดู หลิงหลงกับเจี๋ยเกิ่งจึงอาศัยโอกาสนี้ใช้น้ำเช็ดถูภายในห้องอีกรอบ

ฉู่จิ่นเหยาถูกสาวใช้ลากออกมาจากใต้ต้นไม้ทั้งที่ยังอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็รุนร่างนางเข้าไปพักผ่อนในห้อง เรือนน้อยแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่ คล้ายว่าเตรียมไว้ให้สตรีตั้งแต่เริ่มสร้างจึงตั้งใจตกแต่งลานเรือนให้วิจิตรเป็นพิเศษ แม้กระทั่งตัวเรือนก็หรูหรางดงาม ประณีตบรรจง

เมื่อนางเข้ามาในเรือนก็มองเห็นห้องโถงกลางเป็นอย่างแรก กลางผนังห้องมีภาพสาวงามแขวนอยู่ภาพหนึ่ง ตรงหน้าเป็นเก้าอี้พนักกลมสองตัว ตรงกลางมีโต๊ะเล็กขาสูงตั้งอยู่หนึ่งตัว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นที่สำหรับเจ้าของเรือนใช้นั่งรับแขก ถัดมาเป็นเก้าอี้ไม้เรียงกันสองแถว มีแจกันและถาดผลไม้วางประดับอยู่ระหว่างเก้าอี้ ไม่มีสิ่งใดน่าดู ฉู่จิ่นเหยาจึงเดินไปทางทิศตะวันตก ห้องโถงกับห้องทางทิศตะวันตกถูกกั้นด้วยฉากกั้นลมสี่ตอน บนฉากปักเป็นภาพดอกฉุยซือไห่ถัง ดอกโบตั๋น และหญิงงามชมบุปผา โอ่อ่างามสง่าเป็นที่สุด

ด้านในสุดของห้องทางทิศตะวันตกประดับด้วยเตียงปาปู้หนึ่งหลัง เครื่องนอนถูกเปลี่ยนเป็นของจากจวนฉางซิงโหวทั้งหมด เตียงปาปู้มีราคาไม่ใช่น้อยๆ ด้านนอกสุดเป็นเสาและรั้วกั้นเตียงไม้จันทน์แดงฉลุ ส่วนที่ด้านในพวกแท่นเหยียบและตู้ข้างเตียงที่ควรมีล้วนมีครบทั้งสิ้น เมื่อปล่อยม่านเตียงชั้นนอกสุดลงมา ในนี้ก็ราวกับเป็นห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ห้องทางทิศตะวันตกวางเตียงปาปู้ไว้หลังหนึ่งแล้ว เมื่อวางโต๊ะเครื่องแป้งลงไปอีกตัวก็เหลือที่ว่างไม่เท่าไร ดังนั้นพวกตั่งหลัวฮั่นและโต๊ะน้ำชาสำหรับใช้รับแขกจึงวางไว้ในห้องทางทิศตะวันออก วันหน้าหากมีสหายสนิทมาเยี่ยมเยียนใช้โถงกลางต้อนรับจะดูห่างเหินเกินไป การตกแต่งจัดวางที่ให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้อแต่ไม่มักง่ายอย่างห้องทางทิศตะวันออกนี้ถือว่ากำลังพอดี

ฉู่จิ่นเหยาสำรวจดูจากข้างในแล้วออกมาดูข้างนอก รู้สึกว่าการเตรียมพร้อมนี้ของจวนจวิ้นอ๋องนับว่าตั้งใจอย่างยิ่ง ยังดีที่จวนจวิ้นอ๋องมิได้ประเมินไมตรีฉันพี่น้องระหว่างนางกับฉู่จิ่นเมี่ยวผิดไป หากจัดให้พวกนางสองคนอยู่ในเรือนเดียวกันคงจะครึกครื้นเป็นแน่

ที่พักของฉู่จิ่นเมี่ยวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนาง เดินผ่านสระบัวไป เรือนไม้น้อยริมน้ำหลังนั้นก็คือที่พักของอีกฝ่าย บัดนี้ยังเป็นฤดูหนาว บริเวณเรือนของฉู่จิ่นเมี่ยวมองไม่เห็นสิ่งใดเป็นพิเศษ แต่ถ้าหากรอจนถึงฤดูร้อนดอกบัวบานสะพรั่งเต็มสระ ฉู่จิ่นเมี่ยวอาศัยอยู่ใกล้สระบัวย่อมเห็นแต่ความงดงามเงียบสงบเปี่ยมสุนทรีย์ถึงขีดสุด

 

ยามค่ำ ขณะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เจี๋ยเกิ่งกลับมาจากการสืบข่าว นางกล่าวกับฉู่จิ่นเหยาว่า “คุณหนู บ่าวลอบไปดูที่เรือนของคุณหนูสี่มาแล้วเจ้าค่ะ การตกแต่งในเรือนนางอัตคัดอย่างยิ่ง ตรงกลางห้องมีภาพปักรูปดอกเหมย ดอกกล้วยไม้ ต้นไผ่ และดอกเบญจมาศ ทางทิศตะวันตกเป็นเตียงแบบมีหลังคาหนึ่งหลัง ส่วนทางทิศตะวันออกนอกจากโต๊ะกับตั่งอย่างละตัวก็ไม่มีสิ่งใดอีก เรือนนางมองไปทางใดก็ว่างเปล่า ลมพัดยังมีเสียงสะท้อนออกมาได้ ไฉนเลยจะสบายเท่าเรือนของคุณหนู”

ฉู่จิ่นเหยาหัวเราะ อะไรคือลมพัดยังมีเสียงสะท้อนออกมาได้ เจี๋ยเกิ่งทับถมคนจนติดเป็นนิสัย ฉู่จิ่นเหยาได้แต่ถลึงตาใส่นางผ่านคันฉ่อง

“เจ้าพูดเก่งเสียจริง ห้ามพูดจายุแยงผู้อื่นเวลาอยู่ข้างนอก”

“บ่าวทราบเจ้าค่ะ” เจี๋ยเกิ่งบุ้ยปากแล้วกล่าวว่า “ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้คุณหนูสี่ก็ยังดูเหมือนชอบใจอย่างยิ่ง นางยังพูดด้วยว่าฤดูหนาวพักอยู่ริมสระบัวนั้นดีที่สุด แค่เปิดหน้าต่างก็มองเห็นซากบัวเต็มไปหมด ยามค่ำยังสามารถได้ยินเสียงลมกระทบซากบัว งดงามเงียบสงบเป็นที่สุด”

ฉู่จิ่นเหยากลับเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าสระบัวยังเป็นน้ำแข็งอยู่ นางไม่หนาวหรือไร”

เจี๋ยเกิ่งส่ายหน้า เวลานี้ฉู่จิ่นเหยามองการตกแต่งในเรือนของตนเองอีกครั้ง รู้สึกในทันทีว่าจวนจวิ้นอ๋องมิเสียแรงที่เป็นจวนจวิ้นอ๋อง ไม่กล่าวถึงทรัพย์สินเงินทอง ลำพังเพียงวิธีการควบคุมความคิดจิตใจคนพรรค์นี้ ตระกูลชนชั้นสูงอย่างพวกนางก็ยังไม่อาจเทียบได้

ฉู่จิ่นเหยาพึมพำ “ไม่รู้ว่าน้ำแข็งในสระหนาพอหรือไม่ สระน้ำใหญ่เพียงนั้นทั้งเรียบและโล่ง เล่นเลื่อนน้ำแข็งจะต้องสนุกมากเป็นแน่”

หลิงหลงถูกทำเอาตกใจจนสะดุ้ง รีบร้องเรียกทันที “คุณหนู!”

ฉู่จิ่นเหยาได้สติกลับมา โบกมือพลางกล่าวว่า “ข้าพูดไปอย่างนั้นเอง ข้ารู้หนักเบาอยู่ วันนี้พวกเจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน ไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถิด เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ต้องไปคารวะชายาเฒ่า จากนั้นก็ต้องไปเข้าเรียนเป็นเพื่อนเซี่ยนจู่ ยังมีงานต้องทำอีกมาก”

“เจ้าค่ะ”

หลิงหลงและเจี๋ยเกิ่งหวีผมให้ฉู่จิ่นเหยาจนลื่นสลวย ปรนนิบัตินางขึ้นเตียงนอนก่อนปิดรั้วกั้นเตียงชั้นนอกสุด ฉู่จิ่นเหยามองเห็นแสงมืดสลัวลงในทันที คล้ายว่านางตกอยู่ในพื้นที่เล็กๆ เพียงลำพัง จากนั้นตะเกียงด้านนอกเตียงก็ดับลง

ฉู่จิ่นเหยาหลับตาลง ตามหลักนางควรนอนได้แล้ว นางอยากจะบอกฝันดีตามความเคยชิน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าบัดนี้นางอยู่คนเดียว บอกไปก็ไม่มีใครได้ยิน

นางเอื้อมมือไปคลำจี้หยกพกที่วางไว้ใต้หมอน จี้หยกพกให้ความรู้สึกทั้งอุ่นและเย็น มองไม่ออกแม้แต่น้อยว่ามันเคยส่งเสียงพูดและกลายร่างได้ในยามกลางวัน

ฝันดีฉีเจ๋อ ฉู่จิ่นเหยาพูดในใจ ก่อนหลับตาเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน

ก่อนฉู่จิ่นเหยาจะเข้าสู่นิทรา ตรงหน้าพลันปรากฏเงาคนเงาหนึ่ง อีกฝ่ายถูกคนล้อมไว้แน่นหนา มองเห็นได้เพียงชายเสื้อสีน้ำตาลแดง รวมถึงดวงตาที่ใสกระจ่างแฝงรอยยิ้มคู่หนึ่ง

ฉู่จิ่นเหยาคิดด้วยอาการสะลึมสะลือว่านางคงเกิดภาพหลอนเข้าแล้วกระมัง นางคิดคำนึงเรื่องนี้ทุกวัน คิดบ่อยครั้งเกินไปทำให้มองเห็นใครก็เหมือนคนที่ตนเองรู้จักไปเสียหมด บุรุษผู้นั้นกับฉีเจ๋อน่าจะเพียงคล้ายคลึงกันเล็กน้อย แต่นางกลับเห็นเป็นอีกคนไปเสียได้

นางทบทวนตนเองเงียบๆ ก่อนหลับสนิทไป

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 5-6

บทที่ 5 เถ้าแก่ร้านตกใจจนเบิกตากว้าง โบกไม้โบกมือเอ่ย “แม่นาง นี่มันสิงโตอ้าปากกว้าง นี่! เห็นว่าพวกงานปักของเจ้าเป็นงาน...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 9-10

บทที่ 9 หวังอวี้หล่างไม่นึกฝันว่าจะได้มาเจอกับองค์ชายรองที่นี่ เมื่อครู่นี้เขายังแสดงกิริยาเสียมารยาทอีกด้วย ในเวลานั้นจ...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 7-8

บทที่ 7 อวี้ฉือเฟยเยี่ยนฝืนยิ้มเอ่ย “เซียวอ๋องเสด็จมาผิดเวลา โจ๊กในร้านขายหมดไปนานแล้วเพคะ” เซียวอ๋องติดกระดุมคอเสื้อ ริ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 1

บทที่ 1 โฉมงามล่มเมือง   เดือนสาม ดอกซิ่ง บานสะพรั่ง เรื่องขบขันใหญ่โตเรื่องหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงในเวลาอัน...

community.jamsai.com