ไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก เฉียวเจาก็แกะมือสาวใช้ออกและย่อกายคำนับ “พี่จู พี่หยาง หลายวันมานี้ต้องขอบคุณพวกท่านที่คอยดูแล วันหน้าถ้ามีโอกาส ข้าต้องตอบแทนแน่นอนเจ้าค่ะ”
หยางโฮ่วเฉิงโบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ต้องๆ เจ้ากลับถึงเรือนอย่างปลอดภัยก็พอ”
จูเยี่ยนเลื่อนสายตาลงไปหยุดที่หน้าผากเกลี้ยงเนียนของเด็กสาว บนนั้นมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพราว ทว่าท่วงท่าที่นางแสดงคารวะต่อพวกเขางดงามแช่มช้อย
จูเยี่ยนนึกทึ่งในใจ เขาอ้าปากกล่าว “คุณหนูหลี ข้าคือ…จูเยี่ยน หากกลับถึงเมืองหลวงแล้วประสบความลำบากใด ไหว้วานคนไปหาข้าที่จวนไท่หนิงโหวได้…”
เฉียวเจาอึ้งงันไปเล็กน้อย อีกฝ่ายยอมบอกชื่อเสียงเรียงนามและศักดิ์ฐานะกับนาง นี่คือเห็นนางเป็นสหายแล้วจริงๆ
หยางโฮ่วเฉิงมองสหายรักอย่างหลากใจ ก่อนจะกล่าวบ้าง “หยางโฮ่วเฉิง จวนหลิวซิ่งโหว แม่นางน้อยอย่าลืมข้าพี่หยางล่ะ”
เขานึกว่านิสัยอย่างจูเยี่ยนไม่มีทางบอกศักดิ์ฐานะแท้จริงกับสตรีนางหนึ่งง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าจะชิงตัดหน้าเขา
“ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ” มุมปากของเฉียวเจาประดับรอยยิ้มอยู่ตลอด แต่เหงื่อเย็นไหลลงมาตามข้างแก้มแต่แรกนางกลับไม่ใส่ใจ ไต่ถามอย่างตรงไปตรงมา
“พี่ฉือล่ะเจ้าคะ”
พี่ฉือ…
จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงลอบสบตากัน
พักนี้ดูเหมือนเจ้านั่นสติไม่เต็มเต็งอยู่สักหน่อย
หยางโฮ่วเฉิงพูดชวนขบขัน “เขาน่ะหรือ เห็นเจ้าจะไปแล้วคงเสียอกเสียใจเต็มทีก็เลยแอบร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่กระมัง”
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อว่าถ้อยคำนี้เป็นความจริง เฉียวเจากล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนพี่ชายทั้งสองกล่าวอำลาพี่ฉือแทนข้าด้วยเจ้าค่ะ”
นางย่อกายอีกครั้ง จากนั้นเกาะแขนสาวใช้ แล้วหมุนกายเดินไปทางรถม้าที่รออยู่ข้างท่าเรือ
พวกจูเยี่ยนนิ่งเงียบมองดูนางก้าวขึ้นรถม้าไปโดยไม่เหลียวหลังตลอด
“แม่นางน้อยผู้นี้บอกว่าจะไปก็ไปเลยจริงๆ” จู่ๆ ก็ขาดไปคนหนึ่ง หยางโฮ่วเฉิงรู้สึกใจหายอยู่บ้าง
“นั่นสิ หลังจากนี้ข้าคงไม่ได้อยู่เป็นสุขแล้ว”
“หือ?”
“ก็ต้องถูกสือซีลากตัวไปเดินหมากอีกแล้วน่ะสิ”
ทั้งคู่พูดหยอกล้อกันก่อนจะย้อนกลับไปทางห้องในตัวเรือ เห็นม่านประตูรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลถูกเลิกขึ้นกะทันหัน สาวใช้ก็กระโดดลงมา
พวกเขาหยุดฝีเท้า
สาวใช้วิ่งมาถึงเบื้องหน้าในชั่วพริบตา นางแสดงคำนับก่อนค่อยยื่นขวดกระเบื้องสีขาวใบหนึ่งส่งให้พร้อมกล่าวบอกรัวเร็ว “นี่เป็นยาสมานแผลที่คุณหนูขอมาจากท่านหมอเทวดาให้คุณชายฉือเจ้าค่ะ”
นางวางขวดกระเบื้องลงบนมือจูเยี่ยน จากนั้นคารวะพวกเขาเป็นคำรบที่สองแล้วเดินลิ่วๆ กลับไป
“แม่นางน้อยนั่นช่างมีน้ำใจโดยแท้” หยางโฮ่วเฉิงมองดูรถม้าออกแล่นช้าๆ พลางเอ่ยพึมพำ
จูเยี่ยนยิ้มแย้ม เขากำขวดกระเบื้องในมือแน่น หมุนกายกลับไปก็เห็นฉือชั่นยืนอยู่หน้าประตูไม่พูดไม่จา
เขาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดใหม่แล้ว มองไม่เห็นคราบเลือดเปรอะทั่วหัวไหล่อีก
จูเยี่ยนตวัดข้อมือโยนขวดกระเบื้องไปให้
ขวดกระเบื้องสีขาวกระจ่างพุ่งลอยเป็นวิถีโค้งสวยงามกลางอากาศไปตกลงในมือฉือชั่นอย่างแม่นยำ
เขากำมันไว้แน่นไม่กล่าวคำใด และหันหลังกลับเข้าห้องไป
เชิงอรรถ
* ผักกาดขาวกับสุกร เป็นคำอุปมา หมายถึงผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่คู่ควรกัน ในทำนองเดียวกับสำนวนที่ว่า ดอกไม้สดปักในกองขี้วัว
* หนึ่งถ้วยชา เป็นคำอุปมา หมายถึงช่วงเวลาที่สั้นมาก บางตำรากล่าวว่าเทียบได้กับเวลาประมาณ 10-15 นาที
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 17 มิ.ย. 65 เวลา 12.00 น