บทที่ 172
เพราะเฉียวเจาได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ งานสังสรรค์ของชุมนุมฟู่ซานย่อมดำเนินต่อไปไม่ได้ พวกคุณหนูต่างแยกย้ายกันกลับด้วยความรู้สึกต่างๆ กัน รถม้าที่จอดอยู่หน้าจวนกู้ชางป๋อทยอยแล่นจากไป
เจียงซือหร่านยังหวนคิดถึงการยิงธนูดอกสุดท้าย นางเดินค่อนข้างช้า จู่ๆ ก็มีคนปรี่เข้ามาหา “คุณหนูเจียง…”
ผู้ที่พรวดพราดเข้ามาถูกเงาร่างอีกสายหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นทันใดสกัดเอาไว้
เจียงเฮ่อกล่าวเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ห้ามเข้ามาใกล้”
สตรีสูงศักดิ์หลายคนที่ยังไม่กลับไปอดตะลึงงันไม่ได้ว่าบุรุษผู้นี้โผล่มาจากที่ใดกัน
พวกนางมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว ถึงเพิ่งประจักษ์ได้ภายหลังว่าขณะนี้ยังไม่ได้ก้าวออกนอกประตูใหญ่ของจวนกู้ชางป๋อ เช่นนั้นหรือว่าเขาแอบซ่อนอยู่ข้างกายเจียงซือหร่านตลอดเวลา
พวกคุณหนูหน้าเปลี่ยนสีไปโดยพลัน
นี่มิใช่หมายความว่าตอนที่พวกนางเล่นกันอย่างสนุกสนาน ด้านข้างยังมีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งมองดูอยู่อย่างไม่ละสายตาหรือไร
เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ คุณหนูหลายคนชักสีหน้าทันใด
สวี่จิงหงไต่ถามเจียงซือหร่านอย่างปึ่งชา “คุณหนูเจียง ท่านจะอธิบายได้หรือไม่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร”
เจียงซือหร่านถูกถามก็กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง นางทำหน้าบึ้งถามเจียงเฮ่อ “เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เจียงเฮ่อลอบกลอกตาขึ้น
คุณหนูผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ช่างน่าขันจริงๆ เขารับคำสั่งมาอารักขานาง ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะอยู่ที่ใด หรือเขากินอิ่มไม่มีอะไรทำ ชอบซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าดูเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเล่นสนุกกันหรือ
ล้วนเป็นเพราะใต้เท้าที่ใจร้ายส่งเขามาอารักขาคุณหนูเจียง รู้เช่นนี้แต่แรก เขาจับตาดูคุณหนูหลีต่อยังดีเสียกว่า
คุณหนูหลีน่าสงสารจริงๆ ถูกคุณหนูเจียงยิงธนูใส่จนเป็นแผลบนใบหน้า…ยิงธนูโดนใบหน้าของเด็กสาว กระทั่งองครักษ์ยังไม่ลงมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
คิดต่อไปไม่ได้แล้ว ขืนเขาคิดต่อไปอีกคงไม่มีแรงใจอารักขาคุณหนูเจียงอีก
“พูดมา เจ้าโผล่มาจากที่ใด” เห็นเจียงเฮ่อไม่กล่าววาจา เจียงซือหร่านยกเท้าเตะเขาทีหนึ่งด้วยความโกรธระคนอับอาย
“ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มาอารักขาคุณหนูขอรับ” เจียงเฮ่อลอบสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง
เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามือหนึ่งของใต้เท้า ทุกๆ เรื่องถือคำสั่งของใต้เท้าเป็นสำคัญ ไม่มีทางทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบเป็นอันขาด
“ไสหัวไปเสีย วันหน้าห้ามติดตามข้า” เจียงซือหร่านบันดาลโทสะ นางเห็นเจียงเฮ่อหลุบตาไม่ขยับกายก็เตะเขาอีกที กล่าวว่า “เจ้าหูหนวกใช่หรือไม่ ไสหัวไป เมื่อก่อนไม่มีคนอารักขาข้า ข้าก็ปลอดภัยดีมาโดยตลอดมิใช่หรือ”
ทนไว้! เจียงเฮ่อสูดลมหายใจลึกๆ ช่างเถิด เหลืออดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทนต่อไป บอกตามสัตย์จริงดีกว่า!
“คุณหนูเจียง ที่ผ่านมามิใช่ไม่มีคนอารักขาท่าน แต่องครักษ์จินหลินซึ่งรับหน้าที่อารักขาคนก่อนหน้าเพิ่งพลีชีพในหน้าที่ แค่ว่าท่านไม่ทราบเท่านั้นเองขอรับ”
หาไม่แล้วเขาต้องเคราะห์ร้ายรับช่วงต่อได้อย่างไร นิสัยอย่างคุณหนูเจียง ไม่มีคนอารักขาคงโดนตีจนใบหน้าบวมปูดเหมือนหัวสุกรไปนานแล้วหรือไม่
“เจ้า…เจ้ายังกล้าแก้ตัวอีกหรือ” เจียงซือหร่านไม่เคยพบเคยเจอองครักษ์จินหลินที่กำแหงกับนางอย่างนี้จริงๆ อีกทั้งเป็นต้นเหตุให้นางต้องกระอักกระอ่วนใจต่อหน้าคนอื่น นางจึงคว้าแส้อ่อนตรงข้างเอวตั้งท่าจะฟาดเขา
“คุณหนูเจียง” โอวหยางเวยอวี่สบช่องเปล่งเสียงพูด “เชิญท่านไปทางนั้นพูดคุยกันได้หรือไม่”
ในเวลานี้เจียงซือหร่านถึงหันเหความสนใจเล็กน้อยไปทางโอวหยางเวยอวี่ นางเชิดหน้ากล่าวเสียงเยาะๆ “เจ้าเป็นใคร ถือดีอะไรให้ข้าไปทางนั้นพูดคุยกับเจ้า”
กล่าวจบนางก็หวดแส้ใส่เจียงเฮ่อทีหนึ่งแล้วก้าวขาเดินไปข้างนอก