บทที่ 176
“เจ้าค่ะ ข้าไปประเดี๋ยวนี้เลย” เหอซื่อออกไปด้วยสีหน้าดุดันเอาเรื่อง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเหยียดยิ้มมุมปาก นางให้ลูกสะใภ้หัวทื่อขวานผ่าซากไปไล่คุณหนูจวนกู้ชางป๋อกลับไป เป็นการใช้คนตามความสามารถได้เหมาะสมเต็มที่แล้ว
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลานเจาได้รับบาดเจ็บที่นั่น ซ้ำร้ายยังเป็นแผลบนใบหน้าที่เป็นส่วนสำคัญยิ่งชีพ ถึงแม้จะมียาของหมอเทวดา ใครจะรับรองได้ว่าจะไม่เป็นแผลเป็นแน่
ในฐานะเจ้าภาพที่จัดงานสังสรรค์ครั้งนี้ พอทำให้แขกได้รับบาดเจ็บ นางหิ้วของขวัญสับปะรังเคสองกล่องมาเยี่ยมเยือนขอขมาคำหนึ่งก็เป็นอันสิ้นเรื่องแล้วหรือไร
ถุย! จวนสกุลหลีไม่ต้องการ
หญิงชรายกมือลูบอก พลันรู้สึกว่ามีลูกสะใภ้เช่นนี้ผู้หนึ่งก็ไม่เลว อย่างน้อยพบเจอเรื่องพรรค์นี้ก็ไม่ต้องระวังตัวรักษามารยาทไว้ ซ้ำยังไม่ต้องเป็นห่วงสายตาของคนภายนอก
ก็ใครเล่าจะถือเป็นจริงเป็นจังกับพวกหัวทื่อเป็นตอไม้ผู้หนึ่ง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดึงความคิดคืนมาแล้วมองเฉียวเจา
บาดแผลบนแก้มขวาของหลานสาวทายาขี้ผึ้งเนื้อกึ่งโปร่งใสไว้ชั้นหนึ่ง ใบหน้าขาวกระจ่างมีรอยบากเปื้อนเลือดน่ากลัวยาวเป็นทางทำลายรูปโฉมไปซีกหนึ่งโดยไม่ปรานีปราศรัย
ทว่าเด็กสาวยังคงสงบนิ่งดุจเดิม ถึงขั้นปราดแรกที่เห็นยังรู้สึกว่านางไม่เจ็บ มีเพียงเส้นเลือดปูดโปนบนหลังมือที่ลอบกำหมัดแน่น ไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงไว้ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพลันปวดใจสุดจะกล่าว “เจ้าเด็กคนนี้ เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ”
ใบหน้าของเฉียวเจาทายาไว้ นางไม่กล้าอ้าปากพูดตามใจชอบ ได้แต่กะพริบตาปริบๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเบือนหน้าไปอีกทางกลั้นน้ำตาที่ปริ่มซึมขอบตาไว้ ถึงหันกลับมาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าวางใจได้ แม้ครอบครัวเรามิใช่ตระกูลใหญ่โตสูงศักดิ์ แต่จะยอมเลิกแล้วต่อกันเท่านี้ แล้วปล่อยให้เจ้ากล้ำกลืนฝืนทนเช่นนี้ไม่ได้”
“ท่านย่า…” เฉียวเจาเปล่งเสียงพูดคำหนึ่งอย่างอดไม่อยู่
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลูบผมนางเบาๆ ห้ามมิให้นางกล่าวต่อ “หลานเจา ท่านย่ารู้ว่าเจ้าอยากพูดอะไร แต่มิใช่ว่าเจอปัญหาใดก็ต้องอดทนข่มกลั้นไว้ตลอด อย่างตำแหน่งอาลักษณ์สำนักราชบัณฑิตนั่นของท่านพ่อเจ้า จะเป็นหรือไม่เป็นหาได้มีความหมายอันใดไม่ ถ้าเขาอยากรักษาตำแหน่งขุนนางเล็กๆ ต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั่นไว้จนปกป้องบุตรสาวของตนไม่ได้ ท่านย่าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาเอาไว้”
นัยน์ตาของแม่นางเฉียวโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
ดูทีว่ายังคงเป็นท่านพ่อที่ลงแรงไปมาก เป็นอาลักษณ์สำนักราชบัณฑิตอย่างทรหดอดทนมานานสิบกว่าปีจนไม่กริ่งเกรงสิ่งใดแล้ว ดังคำกล่าวว่าคนเท้าเปล่าไม่กลัวคนสวมรองเท้า* ก็ยังมิเคยได้ยินว่าองครักษ์จินหลินลงโทษอาลักษณ์ต่ำต้อยผู้หนึ่ง
ปิงลวี่ตัดผ้าโปร่งบางจะปิดแผลให้เฉียวเจา แต่นางหลบออก
“คุณหนู?” ปิงลวี่ทำหน้างุนงง
อาจูรู้ว่าเฉียวเจาเปล่งเสียงพูดลำบาก จึงเอ่ยอธิบาย “อากาศร้อนเกินไป ใช้ผ้าปิดแผลไว้จะเป็นหนองได้ง่าย”
ปิงลวี่วางผ้าโปร่งบางลงอย่างห่อเหี่ยวใจ แต่พอคิดๆ แล้วก็ไม่ยอมแพ้ นางกลอกตาขึ้นพลางพูดว่า “เจ้าเก่งนักนะ เก่งถึงเพียงนี้เหตุใดไม่คุ้มครองคุณหนูให้ดีๆ เล่า ถ้าเป็นข้าละก็ ใครกล้ายิงธนูใส่คุณหนูเป็นต้องโดนข้าถีบสักทีหนึ่งก่อนค่อยว่ากัน”
เฉียวเจาสะกิดอาจูเบาๆ
อาจูเข้าใจความหมาย เอ่ยถามขึ้น “คุณหนู ท่านเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่”
เฉียวเจาพยักหน้า
“เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ ท่านย่าไปดูที่เรือนหน้าสักหน่อย”